ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000055771
นายอุดม ไกรสุข แกนนำเกษตรกรร่วมกับเกษตรกร จาก บ้านม.8 ม.3 และม.10 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง กว่า 100 คน ได้เดินทางขอเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดติดภารกิจที่กรุงเทพฯ จึงมีหัวหน้าส่วนที่รับผิดชอบ และเกี่ยวข้องโดยตรง 3 ส่วน คือ พาณิชย์จังหวัดลำปาง การค้าภายในจังหวัดลำปาง และ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง เป็นผู้เข้าร่วมเจรจาและรับฟังปัญหาของเกษตรกร แทน
โดยกลุ่มเกษตรกรได้ยื่นข้อเสนอให้กับหน่วยงานราชการเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน ซึ่งปัญหาที่เกษตรกรประสบในขณะนี้ คือ พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อในราคาถูก โดยในปีนี้รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 6 บาท จากเดิมปีที่ผ่านมารับซื้อในราคา 7.60 บาท ขณะที่ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมีจำนวนลดน้อยลง ต้นทุนเรื่องราคาปุ๋ยสูงขึ้น และเกษตรกรไม่มีเครื่องอบข้าว เมื่อฝนตกข้าวมีความชื้นสูงเมื่อเก็บไว้ทำให้ข้าวเกิดการเน่าเสีย จึงต้องการให้หน่วยงานราชการเร่งเข้ามาช่วยเหลือ
การเจรจาเบื้องต้น ทางราชการรับปากจะประสานงานกับโรงสีขนาดใหญ่เข้ามารับซื้อโดยตรง โดยรับซื้อข้าวดิบในราคากิโลกรัมละ 7 บาท ข้าวแห้งราคากิโลกรัมละ 9 บาท ส่วนการอบข้าวนั้นค่าขนส่งต้องเป็นหน้าที่ของเกษตรกร แต่ราคาค่าอบข้าวจะเจรจาต่อรองหรือจะขอให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ลงไปดูแลให้ โดยทางภาครัฐขอเวลา 1 สัปดาห์ในการเจรจาและติดต่อผู้ซื้อมารับข้าวโดยตรงจากเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรก็พอใจในข้อเสนอและได้แยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.
สำหรับพื้นที่เขตตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง ที่ประสบปัญหาในขณะนี้ เกษตรกรจะปลูกข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกกว่าพันไร่ เมื่อปี 2550 ราคาขยับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10-20% ทำให้ในปีนี้ราคาผลผลิตตกต่ำลง ประกอบกับฝนตกข้าวได้รับความเสียหาย ส่วนราคาค่าใช้จ่ายก็เพิ่มสูงขึ้นทั้งค่าไถ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าเกี่ยวข้าวและค่าแรง เฉลี่ยไร่ละ 4,000 บาท ขณะที่รายได้เมื่อขายแล้วได้ราคา 3,000 บาทต่อไร่ ขาดทุนไร่ละ 1,400 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น