ป้ายบอกทางตกแต่งลายรถม้า อ.เมือง จ.ลำปาง ที่มา : โปสการ์ด จาก "ร้านม้าหมุน" http://marsmoon.hi5.com

บทบรรณาธิการ


>>>on Lampang POST <<< ยินดีต้อนรับทุกท่าน สู่มหาสมุทรแห่งข้อมูลข่าวสารลำปางนับแต่นี้ไป


เรื่องใหญ่ และเรื่องสำคัญของสังคมไทย ที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่กันเท่าใดนัก ก็คือระบบฐานข้อมูล การจัดทำระบบหอจดหมายเหตุ โดยเฉพาะลำปางเอง ข้อที่น่าตกใจคือว่า ลำปางเคยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2492 คือ ไทยลานนา และ เอกราช ในปีพ.ศ.2500

แต่ลำปาง ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จะเก็บสิ่งตีพิมพ์ดังกล่าว (ยังไม่ต้องนับถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และข้อมูลอีกจำนวนมหาศาลที่ขาดการจัดเก็บเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังค้นคว้า ศึกษา) เราจึงไม่สามารถหาต้นฉบับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เพื่อค้น "ประวัติศาสตร์" และ "เรื่องราวลำปาง" แม้ในระยะสั้นๆ เพียง 50 -60 ปี

เชื่อว่าอีกไม่นานเรื่อง "น้ำท่วมใหญ่ลำปาง 2548" ที่สร้างความพินาศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ก็คงจะเป็นเพียงเรื่องเล่าจากความทรงจำจางๆ เช่นเดียวกับที่เหตุภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดกับลำปางแต่มิได้รับการบันทึก ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ตลาด น้ำท่วม คนประสบภาวะหิวโหย...ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่สามารถสืบค้นทางประวัติเอกสารได้แน่ชัด...และถูกหลงลืมไปในที่สุด

หากไม่มองโลกในแง่ร้ายนัก ในโลกคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต อันเป็นโอกาสอันกว้างขวางที่สามารถย่นเวลา และระยะทางการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมหาศาล วันนี้ขณะที่ seacrh หาข้อมูลข่าวทำให้ได้พบกับเว็บไซต์หนึ่งนามว่า http://www.lampang2u.com/ เว็บนี้มีความพยายามอย่างยิ่งในการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลร้านค้าลำปาง และข่าวท้องถิ่นลำปางได้อย่างน่าชื่นชม

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอ ยังคับแคบเกินไป เมื่อเทียบกับความกว้างขวางในโลกไซเบอร์ พื้นที่ตรงนี้ จึงอาสาที่จะออกมาเพื่อรองรับกับ ข้อมูล ข่าวสาร และสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำปาง ในปัจจุบันสมัย เท่าที่จะมีกำลังจะทำได้ ขณะเดียวกันก็มองลู่ทางของเครือข่ายในมหาสมุทรแห่งข้อมูลของลำปางไปด้วย

ขณะที่ on Lampang : เปิดโลกลำปาง ก็ทำอีกหน้าที่หนึ่งในการรวบรวมฐานข้อมูล และข่าวสารทางศิลปวัฒนธรรมอันเป็นรากฐานสำคัญหนึ่งของลำปาง ซึ่งคนละบทบาทกับที่แห่งนี้ จึงถือว่า บทนำนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่ง ที่ออกก้าวเพื่อวันข้างหน้า ดังที่ เอนก นาวิกมูล นักเขียนสารคดีชื่อดัง เคยบอกไว้ว่า "เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า"

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ on Lampang POST
ศุกร์ 2
พฤษภา 51

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เยาวชนวังเหนือ 300 สืบชะตาป่า อนุรักษ์ต้นน้ำ


ภาพจาก http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080619134815

เด็กและเยาวชนในอำเภอวังเหนือ กว่า 300 คน ร่วมพิธีสืบชะตาป่า เพื่ออนุรักษ์แหล่งต้นน้ำ
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 3 เขียงใหม่
19 มิถุนายน 2551 / 13:48:15
ที่มา :
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080619134815

เด็กและเยาวชนในอำเภอวังเหนือ กว่า 300 คน ร่วมพิธีสืบชะตาป่า เพื่ออนุรักษ์แหล่งต้นน้ำ

เด็กและเยาวชนในอำเภอวังเหนือ กว่า 300 คน เดินทางศึกษาย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองวัง และศึกษาฝายชะลอน้ำ ณ ฝายชะลอน้ำบนภูเขาพระบาท ในหมู่บ้านสบลืน ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง

เพื่อศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในป่าเขา ร่วมจัดสร้างฝายชะลอน้ำบนภูเขา รวมถึงร่วมพิธีสืบชะตาป่า โดยผูกผ้าเหลืองตามต้นไม้ และปลูกต้นไม้ ตลอดจนร่วมกิจกรรมประเพณีสรงน้ำรอยพระพุทธบาท ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีทางศาสนาและท้องถิ่น

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว วัดสบลืน อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้คุณธรรม วัฒธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดขึ้น นอกจากเป็นการฟื้นฟูอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมแล้ว ต้องการให้เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนในหมู่บ้าน มีจิตสำนึกรักหวงแหน ในการอนุรักษ์ทรัพย์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ต้นไม้ ของป่าที่ขึ้นตามธรรมชาติ ให้อยู่อย่างยั่งยืนร่วมกับหมู่บ้าน

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการมอบป้ายธนาคารวัสดุรีไซร์เคิลให้กับหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการธนาคารขยะของสำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 2 ลำปาง อีกด้วย

ข่าวโดย : สวท.ลำปางหน่วยงาน : สวท.ลำปาง
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

สรงน้ำพระธาตุวัดม่อนพระยาแช่ 26 มิถุนานี้

การจัดประเพณีสรงน้ำพระธาตุวัดม่อนพระยาแช่ ประจำปี 2551 ส่งเสริมอนุรักษ์สืบทอดประเพณีท้องถิ่น
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 3 เขียงใหม่
19 มิถุนายน 2551 / 13:46:18
ที่มา :
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080619134618

การจัดประเพณีสรงน้ำพระธาตุวัดม่อนพระยาแช่ ประจำปี 2551 ส่งเสริมอนุรักษ์สืบทอดประเพณีท้องถิ่น

นายบุญส่ง สมพงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลพิชัย ในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมตำบลพิชัยร่วมด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เทศบาลตำบลพิชัยและองค์การบริหารส่วนตำบลพิชัย พร้อมด้วย คณะศรัทธาร่วมจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ วัดม่อนพระยาแช่ ประจำปี 2551

โดยกล่าวว่าคนทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกหมู่เหล่า ทุกเผ่าพันธุ์ ย่อมมีขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมจารีตประเพณีท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งชนในแต่ละรุ่นได้สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามครั้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษให้คงสืบอยู่ต่อไป เพื่อต้องการสืบทอดและรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมจารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความสามัคคีในการทำงานเป็นกลุ่มคณะ

สภาวัฒนธรรมตำบลพิชัยจึงมีกำหนดจัดงานประเพณีในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2551 เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งภายในงานมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น ขบวนแห่ครัวตานของหมู่บ้าน/ชุมชนต่างๆ โดยขบวนจะตั้งขบวน ณ บริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัด การแข่งขันชกมวย นอกจากนี้มีการแสดงดนตรี และมหกรรมคอนเสิรต์ นักร้องชื่งดัง

ข่าวโดย : สวท.ลำปาง หน่วยงาน : สวท.ลำปาง
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

รวมมิตร ความเคลื่อนไหวพันธมิตรลำปาง 15-20 มิถุนา

รวมมิตร ความเคลื่อนไหวพันธมิตรลำปาง

เรื่องที่1
คนลำปางร่วมเวทีคู่ขนานคึกคักเตรียมขึ้นจอใหญ่ถ่ายสด ASTV คืนนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มิถุนายน 2551 16:53 น.
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000070098

คนลำปางร่วมเวทีคู่ขนานคึกคักเตรียมขึ้นจอใหญ่ถ่ายสด ASTV คืนนี้

ลำปาง – พันธมิตรฯ/สปท.ลำปาง เปิดเวทีคู่ขนานที่ลำปาง ย้ำข้อดี รธน.50 สกัดนักการเมืองพันธุ์โกง เผยคนสนใจเข้าร่วมเกือบ 1,000 คน พร้อมเตรียมขึ้นจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดสัญญาณASTVกลางเมืองลำปางคืนนี้เป็นต้นไป ขณะที่เคเบิลลำปางเดินหน้าถ่ายทอดการชุมนุมผ่านเอเอสทีวีต่อเนื่อง ไม่สนคำสั่ง “เป็ดเหลิม-ผู้ว่าฯ”

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมจาววัง โรงแรมรีเจนท์ลอร์ด จังหวัดลำปาง เครือข่ายสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย หรือ สปท. จว.ลำปาง พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ลำปาง และอีก 17 จังหวัดในภาคเหนือ ได้ร่วมกันเปิดเวทีเสวนาเกี่ยวกับปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันพร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากปี 40 มาเป็นรัฐธรรมนูญปี 50 โดยเป็นการเปิดเวทีคู่ขนานกับการเวทีที่ส่วนกลาง ตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย

เนื้อหาที่อภิปรายในวันนี้ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา 13.00 น. และจะสิ้นสุดในเวลา 16.00 น. โดยมีผู้อภิปรายหลัก 3 คน คือ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย มีสมาชิกเครือข่ายพันธมิตรฯเข้าร่วมเกือบ 1,000 คน

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เริ่มด้วยการชี้แจงและให้ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ อธิบายถึงสาเหตุที่รัฐ บาลพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญปี 50 ว่า เนื่องจากกลัวรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 มีข้อกฎหมายที่เป็นการป้องกันมิให้นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์เหมือนในอดีตที่ผ่านมารวมถึงนักการเมืองที่มีความผิดก็จะกลังเพราะมีบทลงโทษและเอาผิดนักการเมืองได้จริงๆ ดังนั้น รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งมีนักการเมืองหลายคนที่เคยกระทำความผิดก็พยายามที่จะล้มล้าและแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเพื่อให้ตนเองพ้นผิด

การอภิปรายจะมีการสลับซับเปลี่ยนกันไปเรื่อยจนถึงเวลา 16.00 น. และในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.จะมีการตั้งจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อถ่ายทอดสัญญาณ ASTV ณ บริเวณถนนคนเดินด้านหน้าห้างเสรีสรรพสินค้า ภายในตัวเมืองลำปางด้วย และขณะนี้บรรดาเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่ทราบข่าวการจัดเสวนาดังกล่าวก็ได้ทยอยมาร่วมกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับสมาชิกเคเบิลทีวีลำปาง หลังจากที่ผู้บริหารเคเบิลทั้ง 10 แห่ง ยังคงเปิดการถ่ายทอดสดการชุมนุมอยู่แม้จะได้รับการขอร้อง และขอความร่วมมือการผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางก็ตามก็สร้างความพอใจกับสมาชิก แต่ทั้งนี้บรรดาสามาชิกเคเบิลทีวีส่วนใหญ่บอกว่าหากมีการตัดสัญญาณก็จะยกเลิกการเป็นสมาชิกทันที โดยจะหันไปซื้อจานดาวเทียมมาติดตั้งเอง
....................
เรื่องที่2
“พันธมิตรฯ ลำปาง” ประกาศจัดเวทีคู่ขนาน-ยิงสัญญาณ ASTV กลางเมืองต่อเนื่อง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2551 10:44 น.
ที่มา :http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000070877






ลำปาง - พันธมิตรฯ ลำปางเปิดเวทีคู่ขนานถ่ายทอดสดการชุมนุม โดยใช้ถนนคนเดินกลางเมืองเป็นจุดนัดพบทุกคืน ถือเป็นเวทีคู่ขนานแห่งแรกของภาคเหนือตอนบน ที่ถือเป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาถึงพลังประชาชน

หลังจากที่เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.51 ที่ผ่านมา เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยลำปางและ 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้เปิดเวทีเสวนาขึ้น ณ โรงแรมรีเจนท์ลอดร์ลำปาง โดยมีการเชิญแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วมอภิปราย เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 19.00 น.พันธมิตรฯ ลำปาง ได้รวมตัวกันอีกครั้งโดยแกนนำได้ใช้บริเวณถนนคนเดินด้านหน้าห้างเสรีสรรพสินค้าลำปาง เป็นจุดนัดพบ มีการฉายโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อรับชมการถ่ายทอดสดการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ให้พันธมิตรฯ ได้รับชมร่วมกัน สลับกับการขึ้นเวทีปราศรัยของแกนนำลำปางเป็นระยะๆ เหมือนกับเวทีที่กรุงเทพมหานคร แม้ในบางช่วงของการรับชมจะมีฝนตกลงมาแต่ผู้ที่มาร่วมชุมนุม ก็ไม่ได้ย่อท้อแต่ละคนได้เตรียมร่ม เสื้อกันฝน มาพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ดังกล่าว

ขณะที่บริเวณการจัดเวทีมีเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเข้าร่วมฟังการปราศรัย ดูแลความสงบเรียบร้อย รวมถึงมาร่วมสังเกตการณ์จำนวนมากเช่นกัน

สำหรับการเปิดเวทีคู่ขนานของพันธมิตรฯ ที่ลำปางถือเป็นจุดเริ่มต้นจุดแรกของการเปิดเวทีพันธมิตร ขึ้นในจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือตอนบน ที่ถือเป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคไทยรักไทยในอดีต ต่อเนื่องมาถึงพรรคพลังประชาชน โดยที่ลำปางจะมีการตั้งเวทีเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 19.00-23.00น.
....................
เรื่องที่3
สรส.แม่เมาะจัดบัส 10 คันยกพลเข้ากรุงเย็นนี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2551 15:03 น.
ที่มา :http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072139


ลำปาง - สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ.เตรียมจัดรถบัส 10 คัน รับสมาชิก กฟผ.แม่เมาะเดินทางสมทบที่กรุงเทพฯ เย็นนี้

นายสมยง หมูแก้วเครือ เลขาธิการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคเหนือ และสมาชิกสหภาพแรงงานฯ กฟผ.เปิดเผยว่า ในขณะนี้ที่ กฟผ.ได้มีการเชิญชวนให้สมาชิกเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าการประชุมวิสามัญสหภาพฯ ในเย็นวันนี้ (19 มิ.ย.) ซึ่งสมาชิกทุกคนมีสิทธิที่จะไปได้โดยไม่ถือว่าเป็นวันลาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีสมาชิกเดินทางไปกรุงเทพฯจำนวนมากเช่นกัน

โดยล่าสุด ทางสหภาพได้เช้ารถบัสไว้บริการแก่สมาชิกแล้วจำนวน 10 คัน จะจอดรับผู้โดยสาร ณ บริเวณด้านข้างโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย และจะออกเดินทางในเวลา 20.00 น. ของวันนี้

นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกบางส่วนได้มีการเดินทางล่วงหน้าไปสมทบกับเวทีที่กรุงเทพฯแล้ว บางส่วนจะเป็นแกนนำที่ลำปาง และอีกส่วนหนึ่งจะเดินทางไปสมทบในค่ำของวันนี้

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ ของพันธมิตรลำปาง ทุกเย็นจะมีการฉายโปรเจกเตอร์เพื่อให้สมาชิกได้รับชมการถ่ายทอดสดจากเวทีพันธมิตรที่กรุงเทพฯ สลับกับการขึ้นปราศรัยของแกนนำที่ลำปาง ซึ่งในแต่ละคืนก็จะมีสมาชิกมาร่วมรับชมกันประมาณ 100-200 คน แต่คาดว่าในคืนวันศุกร์นี้ (20 มิ.ย.) น่าจะมีสมาชิกเข้าร่วมมากกว่าทุกๆคืน

ขณะที่ เคเบิลทีวีลำปาง ไม่ได้ปิดสัญญาณ ASTV ตามนโยบาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย แต่ได้เขียนข้อความเป็นตัววิ่งตลอดเวลาว่า ขอให้ผู้ชมใช้วิจารณญาณในการรับชม เนื่องจากภาพเสียงบางส่วนอาจจะไม่เหมาะสม
....................
เรื่องที่4
ตร.ลำปางตั้งด่านถี่ยิบสกัดพันธมิตรฯ เข้ากรุง - คนแม่เมาะปรับแผนแยกเดินทาง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 มิถุนายน 2551 10:17 น.
ที่มา :http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072467





ลำปาง - “พันธมิตรฯ ลำปาง” เปลี่ยนแผนเดินทางเข้ากรุง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดถี่ยิบ

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ตามถนนสายหลักของจังหวัดลำปาง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันที่ 19 มิ.ย.51 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสายตรวจ และจราจรได้ระดมกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดมากเป็นพิเศษ เพื่อตรวจค้น ตรวจสอบผู้ที่โดยสารไปกับรถประจำทาง รถตู้ มีการตรวจบัตรประจำตัว ตรวจสัมภาระและสอบถามเส้นทางการเดินทาง

ขณะที่สมาชิก สร.กฟผ.แม่เมาะ หลังจากที่ได้มีการกำหนดการเดินทางว่าจะออกเดินทางโดยรถบัสซึ่งสหภาพเหมาเช่าไว้จำนวน 10 คัน และจะออกเดินทางในเวลา 20.00 น. ณ บริเวณข้างโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ปรากฏว่าแกนนำได้เปลี่ยนแผนการเดินทาง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกสกัดจากทางเจ้าหน้าที่จึงได้แยกกันเดินทางส่วนหนึ่งไปไปกับรถบัสจำนวน 3 คัน รถตู้ 5คัน โดยให้ออกเดินทางจาก กฟผ.โดยตรงโดยไม่ให้มาจอดรอรับ ณ จุดนัดพบ และมีบางส่วนยังเดินทางไปกันเองด้วย

สำหรับพันธมิตรฯ ที่ไม่ได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯมหานคร ก็ได้มารวมกลุ่มกันเพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสด ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ได้จัดฉายโปรเจกเตอร์ บริเวณหน้าห้างเสรีสรรพสินค้าเป็นประจำทุกคืน พร้อมสลับการับฟังการปราศรัยของแกนนำที่เหลืออยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบคอยสังเกตุการณ์และติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

เปิดตัวเซรามิกประดับข่วงนครลำปาง


ภาพจาก http://www.lampang.prdnorth.in.th/ct/news/viewnews.php?ID=080618152922

เทศบาลนครลำปาง เปิดตัวงานประติมากรรมเซรามิกของข่วงนครลำปาง เน้นเอกลักษณ์เครื่องปั้นของลำปาง
18 มิถุนายน 2551 / 15:29:22
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
ที่มา :
http://www.lampang.prdnorth.in.th/ct/news/viewnews.php?ID=080618152922

เทศบาลนครลำปางเปิดตัวงานประติมากรรมเซรามิกของข่วงเมือง เทศบาลนครลำปางที่จะตั้งไว้บริเวณหน้าหอเกียรติยศ เทศบาลนครลำปาง เป็นรูปผสมผสานของเครื่องปั้นชาวลำปาง

ดร. นิมิตร จิวสันติการ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง แถลงข่าวเปิดตัวงานประติมากรรมเซรามิกที่จะจัดสร้างว่า อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยให้ชื่อผลงานว่า ความเคลื่อนไหว ซึ่งแนวความคิดมาจากการคลี่คลายของเส้นสาย รูปทรง ปริมาตร และผิวสี จากภาชนะดินเผาที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวลำปางจากอดีตสู่ปัจจุบัน เป็นผลงานการออกแบบของ นายจงรักษ์ จิวกิตติศักดิ์กุล ซึ่งเป็นกลุ่มสล่าเขลางค์

โดยแนวทางการออกแบบนั้น เน้นที่เป็นประติมากรรมเซรามิก เป็นงานร่วมสมัย และนำเอาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ในด้านเครื่องปั้นเซรามิกที่มีอยู่ในคำขวัญของจังหวัดคือ “เครื่องปั้นลือนาม” ผสมผสานเครื่องปั้นแต่ละท้องถิ่นที่มีชื่อ ได้แก่ น้ำต้นบ้านไหล่หิน หม้อน้ำบ้านม่อนเขาแก้วและบ้านบ่อแฮ้ว ส่วนชามเซรามิกในภาคอุตสาหกรรมของจังหวัด และคำนึงถึงสถานที่ตั้งของงานประติมากรรมที่สามารถมองเห็นในทุกด้านของถนนบริเวณห้าแยกข่วงนคร

ทั้งนี้ การจัดทำประติมากรรมดังกล่าว ได้ใช้พื้นที่ของศูนย์หัตถกรรมเครื่องเคลือบดินเผาในการจัดสร้างแต่ละชิ้นส่วน เพื่อให้มีขนาดชิ้นงานที่สามารถใช้กับเตาเผาเซรามิกที่มีอยู่แล้ว และจะนำมาประกอบกันทีหลัง ซึ่งประติมากรรมดังกล่าวมีความสูงจากพื้นประมาณ 3.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 4 ตัน

ข่าวโดย : เสน่ห์ เชียงลา สวท.ลำปาง
หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

....................
*หมายเหตุ จงรักษ์ จิวกิตติศักดิ์กุล เป็นสถาปนิกและศิลปินที่มีผลงานเซรามิก มีประสบการณ์จัดแสดงร่วมกับกลุ่มศิลปิน "สล่าเขลางค์"
ประวัติการแสดงผลงาน รางวัล เกียรติยศ
2544 ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรม กลุ่มสล่าเขลางค์ ครั้งที่ 1 ณ หอศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง
2544 ถึงปัจจุบัน ร่วมแสดงนิทรรศการเซรามิกภาคเหนือ เซรามิกแฟร์ลำปาง
2545 ร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการ เทคนิคการใช้วัตถุดิบที่มีเหล็กออกไซด์สูง ในการผลิตเซรามิก ณ ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา ลำปาง
2546 -ร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการ การวิจัยและพัฒนาเพื่อฟื้นฟูเครื่องเคลือบดินเผา ในแหล่งเตาล้านนา ณ ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา จ.ลำปาง
-ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรม ปอยครูศิลป์ แผ่นดินล้านนาครั้งที่ 2 จ.แพร่
-ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรม ฮอมแฮงแป๋งข่วงเวียงละกอน กลุ่มสล่าเขลางค์ ณ หอศิลปวัฒนธรรมนครลำปาง (ศาลากลางเก่า)
2547 ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรม ปอยครูศิลป์ แผ่นดินล้านนา ครั้งที่ 3 จ.อุตรดิตถ์
2548 ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรม ครูศิลป์ แผ่นดินล้านนา ครั้งที่ 4 ณ หอศิลปวัฒนธรรมนครลำปาง (ศาลากลางเก่า) จ.ลำปาง
ข้อมูลจาก
สูจิบัตร นิทรรศการศิลปกรรม ครูศิลป์ แผ่นดินล้านนา ครั้งที่ 4 / 21 มกราคม - 21 กุมภาพันธ์ 2548 ณ หอศิลปวัฒนธรรมนครลำปาง จังหวัดลำปาง

ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

นายกฯเล็กลำปาง เผยความก้าวหน้าข่วงนคร

นายกเทศมนตรีนครลำปาง เผยถึงความก้าวหน้าโครงการปรับปรุงข่วงนคร
18 มิถุนายน 2551 / 19:01:33
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
ที่มา :
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080619113905

นายกเทศมนตรีนครลำปาง เผยถึงความก้าวหน้าโครงการปรับปรุงข่วงนคร

นายนิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง เปิดแถลงข่าวถึงความก้าวหน้าการปรับปรุงข่าวงนครที่ ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องเคลื่อนดินเผาจังหวัดลำปาง ว่า โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ข่วงนคร ใช้งบประมาณ 65 ล้านบาท ตามสัญญาจะต้องแล้วเสร็จในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2551 แต่คาดว่าจะเสร็จก่อนกำหนด

ซึ่งการปรับปรุงจะมี 4 ส่วน คือ
สวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา
บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลฯ
อาคารบริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลำปาง
และหอนาฬิการวมถึงถนนโดยรอบ

ซึ่งขณะนี้การปรับปรุงแล้วเสร็จบางส่วน และกำลังก่อสร้างโดยเฉพาะหอนาฬิกาและถนนโดยรอบซึ่งทำให้การจราจรไม่สะดวกในช่วงนี้ สำหรับสิ่งใหม่ ๆที่ชาวลำปางจะได้เห็นจากโครงการ คือ ลานน้ำพุ บริเวณหน้าสวนสาธารณะ ลานน้ำพุบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลฯ ซึ่งจะมีสระน้ำพุ 2 สระ คือ สระกลมและสระสี่เหลี่ยม ตลอดจนประติมากรรมเซรามิก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลำปาง โดยจัดวางไว้กลางสระน้ำพุหน้าสำนักงานฯ และหอเกียรติยศเทศบาลนครลำปาง

นายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวอีกว่า เดิมประชาชนจะเห็นสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกามีแต่ต้นไม้ ขาดการตกแต่ง และไม่ค่อยมีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์มากนัก เช่นเดียวกับบริเวณหน้าอาคารสำนักงานเทศบาลฯที่มีรั้วกำแพง และต้นไม้ทึบ ปิดบังตัวอาคาร ซึ่งอาจดูไม่ได้ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ต่องานบริการประชาชนมากนัก และหอนาฬิกา สถาปัตยกรรมเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำปาง มีความเก่าไปตามเวลา การปรับปรุงดังกล่าวโดยเฉพาะหน้าสำนักงานเปิดโล่ง และสวนสาธารณะ ประชาชนสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อน ทำกิจกรรมสาธารณะได้อย่างเหมาะสม

อันจะทำให้ชาวลำปางจะมีพื้นที่พักผ่อนทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงเห็นถึงประติมากรรมเอกลักษณ์ของชาวลำปางอีกด้วย

ข่าวโดย : นงค์เยาว์ ปัจจามิตร์หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

การแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ที่ราชภัฏลำปาง

มหาวิทยาลัยราชภัฎ ลำปาง จัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ
19 มิถุนายน 2551 / 11:39:05
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
ที่มา :
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080619113905

มหาวิทยาลัยราชภัฎ ลำปาง จัดการการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ครั้งที่ 7 มีนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันกว่า 500 คน

เช้าวันนี้ (19 มิ.ย.51) ผู้ช่วยศาสตราจารย์เล็ก แสงมีอนุภาพ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง ได้กล่าวต้อนรับ นายมานพ อิสสะรีย์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และคณะใน การแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศครั้งที่ 7 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง

และกล่าวว่า การจัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศฯ นี้ อพวช. กำหนดขึ้น เป็นกิจกรรมประจำปี ที่มุ่งเน้นให้ผู้สนใจได้พัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเอง กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมทางเลือกนอกเหนือจากโครงงานวิทยาศาสตร์สำหรับครู อาจารย์ และนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ที่จะช่วยกระตุ้น สร้างความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ จากการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนี้

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการแข่งขันรอบคัดเลือกในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนในทุกภูมิภาคได้เข้ามาเรียนรู้แนวคิด หลักการ และทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมนี้อย่างทั่วถึง นำไปสู่การพัฒนาทักษะ และกระบวนการคิดอย่างเป็นนักวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยจัดตั้งแต่วันที่ 16 – 20 มิถุนายน ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ได้รับความสนใจจากเยาวชนกว่า 500 คนเข้าร่วมในการแข่งขัน

โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 2 ประเภท 2 ระดับ คือ ยิงไกลและยิงแม่น ระดับประถมศึกษา คัดเลือกให้ได้ทีมชนะ ประเภทละ 10 ทีม ยิงไกลและยิงแม่ระดับมัธยมศึกษา คัดเลือกให้ได้ทีมชนะ ประเภทละ 10 ทีม รวมทั้งสิ้นเป็น 40 ทีม เข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ เพื่อคัดเลือกทีมที่มีสถิติดีที่สุดเข้าแข่งขันฯ ในรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 22 ถึงวันที่ 23 ตุลาคมต่อไป

ข่าวโดย :
นงค์เยาว์ ข่าว/ธงชัย ภาพ
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ผู้ว่าฯดันโครงการเฮาฮักนครลำปาง ปลุกจิตสำนึกคนลำปางพันคน

จังหวัดลำปางจัดทำโครงการเฮาฮักนครลำปาง
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
ที่มา : http://www.lampangpost.com/news/671-3.htm
17 มิถุนายน 2551 / 09:34:27

นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จังหวัดลำปางได้จัดทำโครงการเฮาฮักนครลำปาง ประจำปี 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกจิตสำนึก จิตวิญญาณแห่งการรักท้องถิ่นและทำความดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและให้ความรู้ ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมพัฒนาท้องถิ่น

โดยจะมีการระดมสมองเป็น 2 กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่มแบ่งเป็น 10 กลุ่มย่อย กลุ่ม 1 เรื่องอยู่จะใดฮื้อสุข พอเพียงตามแนวพระราชดำริ กลุ่ม 2 เรื่อง ยะจะใดฮื้อได้จื้อว่าเฮาฮักนครลำปาง กำหนดดำเนินงานในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2551 ณ ห้องประชุมจันทน์ผา มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง โดยมีกลุ่มเป้าหมายร่วมประชุมสัมมนาจำนวน 1,000 คน
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

รับรองผลอบจ.พร้อมเดินหน้าสานงานเก่า ดันลดภาษีน้ำมัน

สุนีไม่เปิดตัวรองฯอ้างงานเยอะ
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/671-3.htm

สุนียังปิดปากเงียบ ไม่เปิดตัวรองนายก อ้างมีงานอื่นต้องทำอีกเยอะ เผยถึงนโยบายหลังเข้ารับหน้าที่ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เตรียมยกเลิกข้อบัญญัติฯเก็บภาษีหัวจ่ายมิเตอร์ที่เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันให้กับประชาชน

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางครั้งแรก หลังจากมีการรับรองผลการเลือกตั้ง นายกและสมาชิก อบจ.ลำปาง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายกและสมาชิกสภาฯที่ได้รับการเลือกตั้งและไว้วางใจจากประชาชนเป็นตัวแทนเข้ามาเพื่อบริหารงาน ซึ่งปัจจุบันบทบาทของ อบจ.มีมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐได้ถ่ายโอนงานต่างๆสู่ท้องถิ่น โดยอบจ.ทำหน้าที่ในโครงการขนาดใหญ่ หรือกิจกรรมที่เป็นภาพรวมของท้องถิ่น หรืองานที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นหลายแห่ง โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน ส่งเสริมอาชีพ ด้านศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี จึงได้ฝากให้นายกและสมาชิกสภาฯช่วยดูแลปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชน

หลังจากนั้นที่ประชุมได้มีการเลือกประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ และเลขานุการสภาฯ ปรากฎว่านายไพศาล ชรากร เป็นประธานสภาฯ นายสมภพ นวลอนงค์ เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 นายบุญเทียม เกิดมูล เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2 และนางสมพร กาไวย์ เป็นเลขานุการสภาฯ โดยได้มีการกำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2551 ในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 สมัยสามัญสมัยที่ 2 ในวันที่ 16 ตุลาคม 2551 และเริ่มต้นสมัยประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2552 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552

ทั้งนี้ นางสุนี สมมี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า หลังเข้ารับหน้าที่เรื่องแรกที่จะทำคือสานงานที่ค้างอยู่ เช่น โครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ ศูนย์โอทอป รวมถึงสำนักงานใหม่ ซึ่งจะให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้

ด้านเศรษฐกิจ มองว่าปัญหาต่างๆเช่นปัญหาน้ำมันแพงจะต้องให้รับการแก้ไข ซึ่งมีนโยบายหนึ่งที่จะยกเลิกข้อบัญญัติขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จะเก็บภาษีหัวจ่ายมิเตอร์ที่เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายราคาค่าน้ำมันให้กับประชาชนของจังหวัดลำปาง โดยจะนำเข้าสภาในงวดประชุมครั้งที่ 2 หลังจากแถลงนโยบายแล้วและขอยกเลิกข้อบัญญัติในส่วนนี้ และจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจอย่างจริงจังว่าถ้าไม่เก็บเงินในส่วนนี้แล้วทางปั๊มน้ำมันจะลดราคาให้หรือไม่ เพื่อจะช่วยเหลือปัญหาภาระต่างๆ ช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้นในตอนนี้ รวมถึงส่งเสริมอาชีพเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ซึ่งกำลังศึกษาเรื่องกองทุนจากภาคเอกชนและส่วนราชการในการร่วมกันพัฒนาเกษตรกร ตอนนี้ได้รับการติดต่อจาก ธกส. ที่จะเข้ามาสนับสนุน ส่วนภาคเอกชนได้รับการติดต่อจากกองทุนจากต่างประเทศในรูปของมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยลดภาระในปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้

นอกจากนี้ นโยบายที่จะทำเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง หรือปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จะพยายามแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และได้ตั้งความหวังไว้ว่าใน 4 ปีข้างหน้าทุกหมู่บ้านของจังหวัดลำปางจะเป็นเหมือนบ้านสามขา ที่มีการพัฒนาป่าต้นน้ำ การสร้างฝายชลอน้ำ รวมถึงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่กับชุมชน และเป็นที่น่าโชคดีที่จังหวัดลำปางได้งบประมาณจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ ถึง 700 ล้านบาท ในเรื่องของการสร้างโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยครบวงจร ซึ่งจะดำเนินการในปีนี้หรือถ้าไม่ทันอาจจะเริ่มในปี 2552 เป็นการแก้ไขปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำหรับด้านการศึกษาจะพัฒนาโรงเรียนที่ได้รับถ่ายโอน ส่วนโรงเรียนที่ไม่ได้รับถ่ายโอนจะต้องเป็นกรณีไป ซึ่งมองว่าพยายามที่จะส่งเสริมโรงเรียนถ่ายโอนที่ อบจ.รับเข้ามาแล้ว คือ โรงเรียนวอแก้ววิทยา อ.ห้างฉัตร ให้ประสบความสำเร็จ และมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ต้องการให้ประชาชนได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนมากขึ้น

ส่วนในด้านกีฬาได้มองไว้ว่าจะเข้าไปสนับสนุนสมาคมกีฬา ในการจัดคัดสรรบุคลากร นำผู้ที่มีความสามารถจากอำเภอต่างๆ รอบนอกมาพัฒนาวงการกีฬาของจังหวัดลำปาง ในฐานะที่เป็นอุปนายกสมาคมกีฬาจะทำในลักษณะที่จริงจังขึ้นให้ดูเป็นรูปธรรม ในการทำงานส่วนนี้ที่ผ่านมา อบจ.ได้มีการสนับสนุนทีมฟุตบอลไทยคัพที่เข้าแข่งขันระดับประเทศ ซึ่งเด็กของเราได้เข้าถึง 4 ทีมสุดท้าย ถือว่าเป็นความสำเร็จแต่อาจยังไม่เต็มที่ ต่อไปจะได้มีการสนับสนุนเรื่องนี้เพื่อในอนาคตวงการกีฬาจังหวัดลำปางจะได้มีชื่อเสียงในระดับประเทศมากขึ้นในประเทศทีม รวมถึงร่วมมือกับทาง กกท. สมาคมกีฬา และอบต.แต่ละพื้นที่ ในการจัดกิจกรรมกีฬา ส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการพัฒนาด้านการกีฬาเป็นรูปธรรมมากขึ้น

สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.ลำปาง นางสุนี สมนี นายก อบจ.ลำปาง ยังปิดปากเงียบไม่ยอมเปิดเผย โดยได้กล่าวว่า ในความคิดของตนยังไม่ได้วางตัวว่าจะเป็นใครหรือจะเอาใครมาเป็นในส่วนของรองนายก หรือที่ปรึกษา เพราะยังมีปัญหาหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขด่วนก่อน เรื่องการจัดสรรงบประมาณการทำโครงการที่คงค้างอยู่ 4-5 โครงการ จึงยังไม่ได้คิดถึงจุดนี้ อาจจะสักระยะหนึ่งจึงจะเข้าปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆท่าน และแจ้งให้ทราบกันต่อไป

ตามกระแสข่าวที่จะให้ลูกชายนายพินิจ จันทร์สุรินทร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.นั้น นางสุนี กล่าวว่า ยังไม่ทราบยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ คงจะต้องมีการปรึกษากันหลายๆคน ซึ่งตนอยากจะทำงานโดยไม่ให้เกิดเสียงครหาในเรื่องของผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นพยายามที่จะให้คนที่จะเข้ามาร่วมงานในทีมบริหารเป็นคนที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่อยากให้มองในเรื่องที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์
....................
ติดตามจากแหล่งข่าวอื่นได้ที่
"นายก อบจ.ลำปาง แถลงนโยบายในที่ประชุมสภา อบจ.ลำปาง โดยเฉพาะการชะลอเก็บภาษีจากการค้าน้ำมัน ช่วยเหลือประชาชน"
20 มิถุนายน 2551 / 14:54:32
โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
ที่มา : http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080620145432


ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

เลือกตั้ง สท.เขลางค์นคร พลังไทยชนะขาด

พลังไทยชนะขาด
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/671-6.htm

กลุ่มพลังไทยชนะขาดยกทีมทั้ง 3 เขต ไม่ห่วงเรื่องร้องเรียนไม่เป็นจริง ด้านกลุ่มพัฒนาฯยอมรับที่ผ่านมาภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะเรื่องขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร
ผลการเลือตั้ง สท.เมืองเขลางค์นคร เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากลุ่มพลังไทยกวาดที่นั่ง สท.3 เขต 18 คน ยกทีมชนะกลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์นครที่ครองที่นั่งสมัยที่ผ่านมา ทั้ง 18 คน

นายพันธ์ศักดิ์ คำแก้ว ว่าที่ สท.เขต 1 ตำบลปงแสนทอง เปิดเผยหลังจากได้ที่ทีม สท.ทั้ง 3 เขต ของกลุ่มพลังไทยได้ที่นั่งสภา ท.เขลางค์ ว่า การหาเสียงของกลุ่มพลังไทยนั้น เน้นการหาเสียงพบปะประชาชนและเคาะประตูบ้าน เพื่อมอบนโยบายให้ทุกครัวเรือนส่วนที่เราได้รับเลือกตั้ง สท.ยกทีมทั้ง 3 เขต อาจจะเนื่องมาจากประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงตัวแทนคนใหม่และสอดคล้องกับการเมืองท้องถิ่นทั้ง ส.อบจ.เขตอำเภอเมือง และส.ส.ในเขตพื้นที่ด้วย ปัญหาที่จะนำเสนอและสนับสนุนให้ฝ่ายบริหารดำเนินการในปีงบประมาณ 2552 คือ การจัดหาที่ดินและก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลเพื่อบริการประชาชน การจัดสร้างสนามกีฬาและนันทนาการให้ครบทุกชุมชน การพัฒนากลุ่มอาชีพและสวัสดิการผู้สูงอายุ การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ทั้งนี้หลังจาก กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วจะได้หารือและนำเสนอในที่ประชุมสภาต่อไป

ด้านนายบุญส่ง ทิวงค์สาย ผู้สมัคร สท.กลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์ เปิดใจว่า ต้องยอมรับความต้องการและเสียงของประชาชน ตนเองรู้ดีว่าคะแนนนิยมสู้คู่แข่งไม่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาในพื้นที่ตำบลกล้วยแพะไม่ค่อยได้ไปร่วมกิจกรรมและประชาชนไม่รู้จักคุ้นเคย ส่วนคนอื่นนั้นไม่ทราบ และผลงานของสมาชิกสภาที่ผ่านมาอาจจะไม่ตรงใจประชาชนก็ได้ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่มีลักษณะความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารและการตัดงบประมาณที่เป็นโครงการที่ประชาชนต้องการเสนอให้ฝ่ายบริหารของชุมชนต่างๆ

ทั้งนี้ นายดนูดล วรรณปลูก นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ประชาชนไว้วางใจเลือกผู้สมัคร สท.กลุ่มพลังไทยทั้ง 3 เขต ยกทีม 18 คน การที่กลุ่มพลังไทยได้รับชัยชนะครั้งนี้ ได้คัดเลือกผู้สมัครที่มีภาวะผู้นำเป็นที่ยอมรับของสังคม ส่วนใหญ่เป็นประธานชุมชน เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนันและประธานองค์กรในชุมชนต่างๆ หรือเคยรับราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นคนที่มีความพร้อมและมีคุณสมบัติที่เหมาะสม นอกจากนี้ผู้สมัครยังรู้ปัญหาและความต้องการของประชาชนและท้องถิ่นเป็นอย่างดี มีแนวทางแก้ไขปัญหา และเรียงลำดับความสำคัญตามที่มีการทำประชาคมมาแล้ว จึงพร้อมที่จะทำงานทำหน้าที่เพื่อสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนที่แท้จริงได้ในทันที และผู้สมัครที่ได้รับเลือกได้ทุ่มเทเสียสละและร่วมกิจกรรมต่างๆกับชุมชนมายาวนาน โดยเป็นทีมงานในกลุ่มเครือข่ายของ ส.อบจ.เขต และ ส.ส.ในพื้นที่ด้วย

จากกรณีการถูกร้องเรียนที่มีในเขต 2 และ 3 นายดนูดล กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มตนได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง และข้อมูลหลักฐานที่ร้องเรียนไม่ชัดเจน บางเรื่องเป็นเรื่องปกติและประเพณีที่ชุมชนได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง และบางเรื่องที่ร้องเรียนกลับเป็นผลดีกับกลุ่มพลังไทย เพราะผู้ร้องมีวิสัยทัศน์คับแคบไร้เหตุผล และจะเป็นตัวแทนประชาชนที่ดีได้อย่างไร ประชาชนจึงเปลี่ยนใจมาสนับสนุนกลุ่มตนมากขึ้น และขอขอบคุณประชาชนที่ได้ไว้วางใจให้กลุ่มตนเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้

นายนิรันดร์ คำเสมานันท์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ในส่วนของเรื่องร้องเรียนมีเข้ามาทั้ง 3 เขต ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสัญญาว่าจะให้ การให้ และการกระทำที่สื่อว่าจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมชุดสืบสวนสอบสวนและกลั่นกรองเรื่องที่ร้องเรียนแล้ว หลังจากมีการรับรองภายใน 30 วัน ผู้สมัคร ประชาชนไม่น้อยกว่า 10 คน นายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งได้อีก และหากมีหลักฐานชัดเจนจะมีการดำเนินการภายหลังได้ ทั้งนี้ต้องดำเนินการภายใน 1 ปีหลังจากรับรองแล้ว

สำหรับผู้ที่ได้คะแนนในลำดับที่ 1-6
เขต 1 ตำบลปงแสนทอง
กลุ่มพลังไทย นายวันชัย ศรีสุข 4,764 คะแนน นายทอน ใจยาธิ 4,741 คะแนน นายสมพงษ์ การะกัน 4,714 คะแนน นายวันชัย อินทะนัก 4,669 คะแนน นางวาสนา แปงคำ 4,646 คะแนน และนายพันธ์ศักดิ์ คำแก้ว 4,634 คะแนน
มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 9,214 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 14,144 คน คิดเป็นร้อยละ 65.14 จำนวนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน จำนวน 452 ใบ บัตรเสีย 433 ใบ

เขต 2 ตำบลชมพู
กลุ่มพลังไทย
นายประสิทธิ์ ก๋าทอง 5,642 คะแนน นายสมพงษ์ หาญเหมย 5,510 คะแนน นายรัชตกุล ฟูปลูก 5,435 คะแนน นางนันท์นภัส กาศศรีนุช 5,231 คะแนน นายจักรพงษ์ ธรรมใจ 5,234 คะแนน และนางแสงเทียม ถาคำฟู 5,141 คะแนน
มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 9,944 คน จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 16,632 คน คิดเป็นร้อยละ 59.79 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 626 ใบ บัตรเสีย 548 ใบ
เขต 3 ตำบลพระบาทและตำบลกล้ายแพะ
กลุ่มพลังไทย นางแสงเดือน เชียงวงศ์ 5,795 คะแนน นายอรุณ ศรียอด 5,277 คะแนน นายก้าน นันต๊ะภาพ 5,198 คะแนน นายจรัส ทาสุวรรณ 4,793 คะแนน นายมานิตย์ ตันสุวรรณ 4,755 คะแนน และนายประยูร แก้วเดียว 4,528 คะแนน
ผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 10,514 คน จากผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 16,895 คน บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 636 ใบ และบัตรเสีย 466 ใบ
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ประธานหอฯห่วง ลูกจ้างถูกปลด สี่ล้อยังกัดฟันไม่ขึ้นราคา

ประธานหอฯห่วง ลูกจ้างถูกปลดติรัฐบาลมัวแต่แก้ รธน.
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/670-8.htm

เคราะห์ซ้ำเศรษฐกิจยุคน้ำมันแพงดอกเบี้ยแบงค์ยังปรับขึ้น ประธานหอฯห่วงลูกจ้างถูกปลด ตำหนิรัฐบาลมัวยุ่งแก้ รธน และม็อบ ไม่มีเวลาแก้ปัญหาบ้านเมือง ด้านสหกรณ์เดินรถลำปางขาดทุนยับ แต่ยังไม่ขึ้นราคาเห็นใจลูกค้าต่างก็มีรายได้น้อย วอนรัฐบาลใส่ใจช่วยเหลือบ้าง

นายประสิทธิ์ สิริศรีสกุลชัย ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง ราคาเหล็กขึ้นถึง 60% ภายใน 4-5 เดือน ส่วนสินค้าทั่วไปราคาเพิ่มขึ้น 20-25% สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้น 10-15% เกือบทุกตัว จากที่สินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูงขึ้นโดยมีน้ำมันเป็นตัวเร่งส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยหดตัวลงอย่างกะทันหัน ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา

และเมื่อกลับมาดูภาพรวมของจังหวัดลำปางแน่นอนว่าจะต้องมีผลกระทบในชีวิตประจำวันของประชาชน เนื่องจากว่าต้นทุนค่าครองชีพสูงขึ้น ต้นทุนในการเดินทางการใช้พลังงานน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ผู้ทำธุรกิจในจังหวัดค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่ยอดขายลดลง โรงแรมก็มีผลกระทบในเรื่องยอดจอง ด้านการก่อสร้างก็ปิดตัวลงไปมาก

ส่วนภาครัฐซึ่งตอนนี้รณรงค์ให้ใช้เอ็นจีวี ทราบกันดีว่าเอ็นจีวีไม่เพียงพอเพราะต้องมีการขนส่งมาทางท่อต้องใช้ต้นทุนในการขนส่งสูงกว่าน้ำมันเกือบ 10 เท่า ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถใช้เอ็นจีวีในได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นเมื่อน้ำมันมีราคาแพง ประชาชนก็ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซแอลพีจีซึ่งหาเติมได้ง่ายกว่า แต่ก๊าซแอลพีจีก็มีแนวโน้มว่าราคาจะสูงขึ้น ในส่วนของโรงงานเซรามิคจังหวัดลำปางได้มีการใช้ก๊าซแอลพีจีในการผลิตด้วยเช่นกัน ซึ่งเซรามิคลำปางได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่รุนแรงเท่าในปีนี้ ทำให้ปี 2550 ได้มีการเลิกจ้างพนักงานบางส่วน เพื่อลดต้นทุนในการผลิต เมื่อพนักงานถูกเลิกจ้างก็ได้เกิดภาวะในการใช้จ่ายชะลอตัวลง ส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ ค้าขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตนคิดว่าจากนี้ไปจะเป็นช่วงที่จะเริ่มลำบากกันเรื่อยๆ ซึ่งการแก้ปัญหาตรงนี้จะต้องใช้เวลา แต่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าน้ำมันจะสูงขึ้นอีกเท่าไร และจะไปจบตรงไหน ก็ต้องแล้วแต่เศรษฐกิจโลก เท่าที่ทราบเศรษฐกิจโลกก็ชะลอตัวเหมือนกันหมด การสั่งซื้อ การใช้จ่ายต่างๆ ก็ลดน้อยลง

ในตอนแรกคิดว่ารัฐบาลอาจจะแก้ปัญหาได้ แต่ปัญหาทางด้านการเมืองในขณะนี้ก็กลับเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาขึ้นอีก เมื่อยังมีการชุมชนกันไม่เลิก รัฐบาลก็ไม่มีเวลามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จะเห็นได้ว่าหุ้นตกมา 3-4 วันแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เศรษฐกิจอาจจะต้องชะลอตัวไปถึงกลางปีหน้าก็เป็นได้ นายประสิทธิ์ กล่าว

ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวต่อไปว่า สำหรับจังหวัดลำปางจะปรับตัวสู้อย่างไรนั้น ขอแนะนำว่าขณะนี้ต้องลดต้นทุนต่างๆ ในการบริหารจัดการ สิ่งใดที่ไม่มีความจำเป็นก็ต้องชะลอไว้ แต่ไม่อยากให้ห้างร้านหรือโรงงานอุตสาหกรรมเลิกจ้างพนักงาน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการตกงานมากขึ้นยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เมื่ออยู่ในภาวะลำบากแล้วก็ต้องช่วยกันทุกฝ่าย ชี้แจงให้พนักงานเข้าใจช่วยกันประหยัด หาวิธีเสริมรายได้จากด้านอื่นๆ คิดว่าช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ อาจจะยาวไปถึงปีกว่า จึงจะค่อยๆฟื้นตัว เนื่องจากน้ำมันเป็นตัวที่ทำให้มีการปรับตัวยากพอสมควร ส่วนเอ็นจีวีจะมีพอใช้อีกประมาณ 2 ปี และก๊าซแอลพีจีเมื่อใช้กันมากราคาก็จะสูงขึ้น คาดว่าอีกไม่กี่เดือนจะมีการปรับราคาก๊าซแอลพีจี ต้องพยามยามปรับตัวให้อยู่กับความเป็นจริงให้ได้

ในฐานะที่ตนดูแลเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในจังหวัด ก็กำลังคิดหาช่องทางอยู่ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกันหลายๆฝ่าย โดยมีแนวคิดว่า จะเสนอไปยังกระทรวงแรงงานให้มีการลดการส่งภาษีประกันสังคม 6 เดือนหรือ 1 ปี จากลูกจ้าง 5% นายจ้าง 5% เหลือ 2% อย่างน้อยก็จะทำให้ลูกจ้างกับนายจ้างมีเงินเหลืออยู่ในมือบ้างก็จะเป็นเงื่อนไขเรื่องหนึ่งที่จะเป็นแนวทางช่วยให้ลดภาระลง

และในวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทราบว่าธนาคารกรุงเทพฯปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 3.75 สตางค์ ซึ่งค่อนข้างจะเยอะพอสมควร เป็นอีกตัวหนึ่งที่ซ้ำเติมภาวการณ์ลงทุน และเศรษฐกิจในขณะที่กำลังชะลอตัวลง อยากฝากถึงประชาชนว่าอย่าไปตกใจมาก เป็นเรื่องของรอบเศรษฐกิจ ถึงแม้จะคาดการณ์ไม่ถูกว่าจะเป็นมากขนาดนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องพยายามแก้ไขเพื่อให้ดำรงสภาวะของธุรกิจตัวเองที่ทำอยู่ให้ไปให้ได้ ถ้าหนักหนาสาหัสมากก็ค่อยๆลดขนาดลง รออีก 1-2 ปีคงจะดีขึ้น

จังหวัดต้องตั้งทีมขึ้นมาทำงานแก้ปัญหาเฉพาะกิจ สิ่งที่จะช่วยได้คือการต้องพยายามดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดจะให้มีการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น เพราะกำลังซื้อของภายในจังหวัดกำลังหดตัวลง และชะลอตัวลงเรื่อยๆ หากได้นักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดมากก็จะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน ส่งผลดีไปถึงทุกระบบทั้งด้านโรงแรม ร้านอาหาร และของที่ระลึก แต่ช่วงนี้เป็นช่วงโรงเรียนเปิดเทอม และเป็นช่วงฤดูฝน ชาวบ้านจะเข้าไปทำไร่ทำนา ทำให้การจับจ่ายลดน้อยลง ต้องหารือกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้ได้อย่างไร ให้อยู่รอดโดยที่ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนมากไปกว่านี้

ทางด้านสหกรณ์เดินรถจังหวัดลำปางจำกัด เปิดเผยว่าช่วงนี้ผู้ประกอบการรถสองแถวรถตู้ ยังไม่ปรับราคาค่าโดยสา รเนื่องจากต้องกการรักษาลูกค้าไว้ทั้งที่ผู้ประกอบการบางรายเริ่มขาดทุนบ้างแล้ว วอนรัฐช่วยจัดสรรน้ำมันราคาถูกมาช่วยด้วย

นายบรรยง ทิพย์แดง
รองประธาน สหกรณ์เดินรถลำปางจำกัด ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยทำให้ผู้ปรกอบการรถโดยสารรับจ้างทั้งสองแถว และรถตู้โดยสารที่วิ่งระหว่างอำเภอ ต่างประสบกับปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน บางรายต้องวิ่งไปทั้งที่ยังขาดทุน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อลูกค้า และรักษาลูกค้าไว้เหมือนเดิม แต่ปัจจุบันทั้งที่น้ำมันแพงลูกค้ากลับลดลงบางครั้งรถที่วิ่งระหว่างอำเภอต้องวิ่งไปมาทั้งที่มีผู้โดยสารไม่กี่คน ทำให้ผู้ประกอบการต้องประสบกับภาวะขาดทุน แต่ก็ยังไม่ปรับราคาค่าโดยสารขึ้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและเป็นการซ้ำเติมอีก เพราะผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มีรายได้น้อยและเป็นนักเรียนนักศึกษา ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการดูแลจากรัฐเท่าที่ควร วอนภาครัฐสนับสนุนจัดสรรน้ำมันราคาถูกมาให้บริการแก่ผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างด้วย เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ยังห้ามขายพระที่พุทธสถานไม่ได้

พุทธสถานปิดไม่มิดขายพระอีก
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/670-8.htm

ประตูพุทธสถานยังเปิดกว้าง รองฯสามารถไม่ปิดจริง คุยงานได้ผลเหลือแผงพระ 5 แผง เผยมีแผนสองแต่ขออุบ ยืนยันจะกัดไม่ปล่อย ขณะที่คุณนายและลูกสาวมานั่งเฝ้าทุกวัน

จากที่วัดเชียงรายได้มีการออกประกาศให้ผู้ที่ครอบครอง แผงพระ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดย้ายออกจากบริเวณพุทธสถานที่เป็นที่ธรณีสงฆ์วัดเชียงราย อ.เมืองลำปาง พร้อมทั้งอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของวัด และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ ภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 พฤษภาคม 2551 โดยในวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้นำใบประกาศขนาดใหญ่มาติดไว้บริเวณด้านหน้าพุทธสถาน พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมสังเกตการณ์กว่า 50 คน และได้มีนางสาวชนัดดา เยาว์ธานี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางสิริกร แจ่มสุวรรณ เข้ามาเจรจาด้วย

โดยนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวกับชาวบ้านว่า ตนได้สืบค้นข้อมูลมาว่านางสิริกร แจ่มสุวรรณ ชื่อเดิมคือนางอรพิน เป็นคนจังหวัดเชียงราย ได้มาเช่าที่ต่อจากพุทธสมาคม หลังจากที่นางสิริกรเข้ามาเช่าที่ ได้ส่งผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนามาขอเอกสารหลักฐานด้วยความสุภาพเรียบร้อย แต่นางสิริกรก็ไม่ให้ จึงได้ให้ไปขอกับนายสิงห์คำ นราพันธ์ นายกพุทธสมาคม แต่ก็ไม่ให้อีก จึงอยากดูว่าเอกสารหลักฐานตรงนี้เป็นอย่างไร สัญญาเช่าตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน นางสาวชนัดดา เยาว์ธานี ก็บอกว่าต้องไปขอที่ศาล ต้องให้ทนายอนุญาต คนเราถ้าทำอะไรไม่บริสุทธิ์ใจไม่โปร่งใสก็จะเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรแอบแฝงสัญญาแค่นี้ก็น่าจะให้ดูได้

แต่เราได้เห็นคำสารภาพจากทนายบรรพต วิหคเหิน ซึ่งทนายบรรพตได้ทำหนังสือถึงเจ้าอาวาสบอกว่ามีสัญญาเช่ามาตลอด และสัญญาฉบับสุดท้ายเช่าวันที่ 5 ต.ค.48 หมดสัญญาวันที่ 30 ก.ย.51 จะเอาคำของทนายคนนี้เป็นประจักษ์พยานว่า นางสิริกรได้เช่าจริงจนถึงเดือน ก.ย. 51 แต่จะเชื่อเพียง 50%เท่านั้น เพราะไม่ได้มีหลักฐานให้ดู วัดก็อยากจะใช้ที่ธรณีสงฆ์ทำไมถึงกีดกันหนักหนาอยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร จังหวัดก็มีหน้าที่เป็นคนกลางที่จะดูแลให้ศรัทธาญาติโยมได้ใช้สถานที่แห่งนี้ต่อไป จึงได้นำประกาศมาติดไว้ ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ ตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปและจะกัดไม่ปล่อย รวมทั้งยังมีแผนการดำเนินการเตรียมไว้หมดแล้ว

เมื่อนายสามารถ ลอยฟ้า ได้พูดคุยกับชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงได้แยกย้ายกันกลับ โดยชาวบ้านได้บอกว่าในวันที่ 1 มิถุนายน จะมาดูว่าจะมีการปิดประตูพุทธสถานจริงหรือไม่ แต่ขณะนี้พบว่ายังไม่ได้มีการปิดประตูพุทธสถานแต่อย่างใด และยังมีแผงพระตั้งขายอยู่ประปราย จึงได้สอบถามไปยังนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางอีกครั้ง

ซึ่งนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยว่า หลักการทำงานเราใช้ทั้งไม้แข็งและไม้นวม คือเราจะไม่เล่นตามเกมส์ของเขา ถ้าเข้าไปรื้อหรือปิดก็จะเข้าประเด็นตามข้อกฎหมาย เรื่องของการทำลายทรัพย์เขาก็จะฟ้องได้ แต่สิ่งที่กำลังทำขณะนี้คือพยายามเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ผู้ประกอบการแผงพระออกไปให้หมด ตอนนี้ก็ย้ายออกไปอยู่ที่วัดศรีรองเมือง เหลืออยู่ที่พุทธสถานเพียง 5 แผงเท่านั้น ในส่วนของแผงพระที่ย้ายออกไปก็ได้อำนวยความสะดวกให้ในเรื่องเต็นท์ตามที่ได้ร้องขอเข้ามา

สิ่งที่เห็นชัดเจนในตอนนี้ก็คือพุทธสถานขายของไม่ได้ ขั้นต่อไปที่จะทำนั้นยังไม่ขอเปิดเผย แต่กำลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบค้นข้อมูลอยู่ และสิ่งที่จะเกาะติดสถานการณ์ต่อไปคือ ในวันศุกร์ที่จะมีแผงพระสัญจรมาจากต่างจังหวัด จะใช้กำลัง อส. เข้าไปแจกโปสเตอร์ กันคนไม่ให้เข้า เมื่อคนรู้ว่าไปแล้วลำบากขายไม่ได้คนก็จะหมดไปเอง เมื่อขายของไม่ได้ พวกแผงพระก็จะค่อยๆออกกันไปเอง นี่คือกลยุทธ์ในการทำงานของเรา จากเดิม 50 กว่าแผง ก็เหลือเพียง 4-5 แผง ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของนางสิริกรทั้งนั้น ในเวลาอันใกล้นี้ก็จะตายไปเองเมื่อไม่มีคนเข้า

สำหรับเรื่องที่ชาวบ้านรอคอยให้มีการปิดพุทธสถานนั้น นายสามารถ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนได้เกาะติดสถานการณ์อยู่แล้วและจะกัดไม่ปล่อย แต่ว่าจะให้ทำเหมือนที่ชาวบ้านคิดคงจะไม่ได้ เพราะเป็นไปทางข้อกฎหมาย อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นคนหัวหมออยู่แล้ว คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเขา แต่เราก็ต้องใช้สติปัญหาในการแก้ไขปัญหา จะไม่ใช้อารมณ์และกำลัง ซึ่งไปเปรียบเทียบแผงพระก็เหลือนิดเดียวต้องรอดูตลาดพระวันศุกร์นี้ ในขณะเดียวกันทีมงานก็ได้ไปปรึกษาทางอัยการ และกำลังหาข้อมูลเพื่อจะยกเลิกให้ถูกต้อง คิดว่าจะต้องมีการจบโดยเร็วนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าว

ทางด้านนางสิริกร แจ่มสุวรรณ และลูกสาว ได้ผลัดมานั่งเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณพุทธสถานทุกวัน และยืนยันว่าได้ทำสัญญาเช่าถูกต้องกับทางพุทธสมาคม อย่างไรก็ตามยังขอความเป็นธรรมจากสื่อ หากมีผู้บุกรุกเข้ามาทำลายทรัพย์สินจะดำเนินการทางกฎหมายทันที
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ไบโอดีเซลแม่ทะ จี้รัฐบาลช่วย

หนุนไบโอดีเซลจี้รัฐบาลช่วย
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/671-7.htm

จี้รัฐบาลตื่นตัวให้ความสำคัญกับไบโอดีเซล ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนน้ำมัน ขณะเดียวกันขอความร่วมมือประชาชนเก็บน้ำมันเก่าสัปดาห์ละช้อน

นายสำคัญ วรรณบวร หัวหน้าโครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล พลังงานทดแทนเพื่อเฉลิมพระเกียรติราชาชันษา 80 บ้านหลวง หมู่ 2 ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านหลวง หมู่ 2 ต.นาครัว อ.แม่ทะ ได้เริ่มดำเนินโครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล พลังงานทดแทนเพื่อเฉลิมพระเกียรติราชาชันษา 80 ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2551 เพื่อต้องการให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันที่มีราคาถูก นำวัตถุดิบที่เหลือใช้มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ได้ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในการประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นใช้รถไถในการเกษตรโดยต้องเติมน้ำมันดีเซล รวมทั้งน้ำมันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงอยากจะเป็นหลักของจังหวัดลำปางในการรณรงค์เรื่องไบโอดีเซล ซึ่งชาวบ้านหลวงใช้ชื่อเรียกว่าน้ำมันชีวะดีเซล

ปัจจุบันได้ตั้งเครื่องผลิตน้ำมันไว้ที่วัดบ้านหลวง ม.2 ต.นาครัว อ.แม่ทะ ซึ่งได้รับงบประมาณมาจากโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและงบยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัด ทั้งหมด 262,000 บาท โดยกระบวนการผลิต และผลผลิตน้ำมันที่ได้มานั้นได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากระทรวงพลังงานแล้วว่าสามารถใช้กับเครื่องยนต์ที่ใช้ในการเกษตรได้ และในอนาคตคาดว่าจะขยับขยายให้มีโรงผลิตเป็นของหมู่บ้านเอง

นายสำคัญ กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาสำคัญ คือวัตถุดิบไม่เพียงพอ น้ำมันพืชที่ใช้แล้วที่มาป้อนในการผลิตมีน้อยเกินไป

ทั้งนี้ได้หาวิธีแก้ไขปัญหาโดยให้ผู้ใหญ่บ้านทำแปลงสาธิตการปลูกสบู่ดำ และได้ขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลและโรงเรียนต่างๆ เช่น โรงเรียนแม่ทะวิทยา โรงเรียนบ้านหลวง อ.แม่ทะ และโรงเรียนเทศบาล 4 อ.เมืองลำปาง ให้นักเรียนช่วยกันเก็บน้ำมันเก่าไว้เพียงสัปดาห์ละช้อน และให้นำมาขาย โดยจะรับซื้อลิตรละ 10-15 บาท ส่วนโรงพยาบาลแม่ทะและโรงพยาบาลลำปางได้ให้ความร่วมมือจัดน้ำมันมาขายให้แล้ว

นอกจากนั้นได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงแรมต่างๆในจังหวัดลำปาง ได้มีการตอบรับที่ดีทุกโรงแรมแต่ยังไม่มีวัตถุดิบเข้ามา หากมีวัตถุดิบเต็มที่ในวันหนึ่งจะสามารถผลิตน้ำมันได้ 150 ลิตร แต่ที่ผ่านผลิตได้ไม่ถึงเพราะวัตถุดิบมีน้อย โดยเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มผลิตมาจะผลิตได้ประมาณ 200 ลิตรต่อเดือน ถือว่าได้น้อยมาก สำหรับราคาขายต้องปรับไปตามราคาตลาด จากลิตรละ 20 บาทได้ปรับขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ขายอยู่ลิตรละ 30 บาท หากน้ำมันขึ้นราคาอีกก็ต้องขยับราคาเพิ่มขึ้นเป็นลิตรละ 31 บาท

สหกรณ์ออมทรัพย์บ้านหลวงได้กำไรเพียงลิตรละ 8 บาท แต่ผู้ซื้อประหยัดไป 10 บาท ซึ่งดูแล้วว่าน่าจะให้ส่วนรวมได้กำไรมากกว่าจึงต้องขึ้นราคาตามตลาด ทุกวันนี้น้ำมันมีจำหน่ายไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้าน อยากให้ประชาชนตื่นตัวช่วยกันเก็บน้ำมันเก่าไว้เพียงสัปดาห์ละช้อนก็ยังดี ถ้าทำได้จังหวัดลำปางจะไปได้สวยมากในเรื่องน้ำมันชีวะดีเซล

สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ อยากให้มีการรณรงค์ให้รัฐบาลตื่นมากกว่านี้ในเรื่องส่งเสริมการทำน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งในเรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของเราได้ตื่นตัวมา 20 กว่าปีแล้ว แต่รัฐบาลไม่ค่อยให้ความสนใจกับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเท่าที่ควร จะหันไปให้ความสนใจกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์กันมากกว่า

นอกจากนี้การทำน้ำมันไบโอดีเซลชาวบ้านมีโอกาสได้ปลูกพืชทดแทนเป็นอาชีพหลัก คือสบู่ดำ และเป็นอาชีพปลูกที่ไม่ไปแย่งอาหารพืช และยังสามารถคิดค้นวัตถุดิบอื่นๆเช่นในต่างประเทศมีข่าวว่าใช้เมล็ดของต้นอ้อชนิดหนึ่งมาผลิตได้ ถ้ารัฐบาลให้ความสนใจก็ควรจะนำสิ่งเหล่านี้มาทดลองวิจัย เพื่อส่งเสริมคนไทยให้คนไทยมีอาชีพอย่างต่อเนื่อง หัวหน้าโครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลฯ กล่าว
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ยื่นเปลี่ยนเป็นนางสาว ลำปางไม่คึกคัก

ยื่นเปลี่ยนเป็นนางสาว ลำปางไม่คึกคัก
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/670-4.htm

ลำปางหงอยไม่สนเปลี่ยนนางสาว วันแรกมีใช้บริการแค่ 7 คน

หลังจากที่ พ.ร.บ. คำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายน 2551 ซึ่งจะทำให้สตรีมีทางเลือกในการใช้คำนำหน้านามและชื่อสกุล ได้ตามความสมัครใจ ทั้งนี้ สำหรับหญิงที่จดทะเบียนสมรสแล้ว จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ โดยจะต้องนำหลักฐาน ประกอบด้วยทะเบียนสมรส ทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชน ไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนที่สำนักงานเขตตามที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันที่ 4 มิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นวันเปิดให้ใช้บริการเปลี่ยนคำนำหน้านามในวันแรก บรรยากาศในเขตท้องที่อำเภอเมืองลำปาง และเทศบาลนครลำปางเงียบเหงา ไม่ค่อยได้รับความสนมากนัก ซึ่งนางสุชานันท์ แก้วจิตคงทอง หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอเมืองลำปาง เปิดเผยว่า

ในการเปิดใช้บริการวันแรกนี้ ที่อำเภอเมืองลำปางได้มีผู้มาใช้บริการจำนวน 6 คนเท่านั้น โดยช่วงเช้ามีประชาชนมาใช้บริการเพียง 2 คน และช่วงบ่าย 4 คน โดยสาเหตุที่มาเปลี่ยนคำนำหน้าจากนางเป็นนางสาว ส่วนใหญ่ผู้ที่มาเปลี่ยนเป็นผู้ที่ได้หย่าร้างกับสามีมานานแล้ว และได้เห็นการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ จึงได้เดินทางมาใช้บริการ นอกจากนั้นยังมีผู้ใช้บริการรายหนึ่งที่เดินทางมาจดทะเบียนหย่ากับสามีในวันนี้พอดี จึงได้ถือโอกาสเปลี่ยนคำนำหน้านางเป็นนางสาวไปด้วย

นางสาวพิตรา ภวภูตานนท์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266/59 หมู่ 15 ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง ผู้ที่ได้มาใช้บริการเปลี่ยนคำหน้านามจากนางเป็นนางสาว เปิดเผยความรู้สึกว่า ดีใจมากที่ได้กลับมาใช้นางสาวอีกครั้ง ซึ่งตั้งแต่แต่งงานมาและได้หย่าร้างกับสามีต้องใช้คำนำหน้านามว่านางมาตลอด และหลังจากที่ พ.ร.บ. คำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายน 2551 ตนเองตั้งใจมารอตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ ซึ่งตนเองดีใจมาก เมื่อมีโอกาสได้กลับมาใช้คำนำหน้าว่านางสาวอีกครั้ง ในวันที่เปิดใช้บริการวันแรกจึงมาเปลี่ยนทันที

ทางด้านสำนักทะเบียนเทศบาลนครลำปาง ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น บรรยากาศเงียบเหงาทั้งวัน โดยมีผู้ที่เข้ามาใช้บริการเปลี่ยนคำนำหน้านามเพียง 1 คนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เข้ามาใช้บริการจะมาใช้บริการเกี่ยวกับงานทะเบียนทั่วไป

สำหรับผู้ที่เปลี่ยนคำนำหน้านามจากนางเป็นนางสาว หรือผู้ที่เปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล จะมีผลกระทบต่อการให้สินเชื่อกู้ยืมของธนาคาร หรือการทำสัญญาและเอกสารสำคัญต่างๆ หรือไม่นั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังประธานชมรมธนาคารจังหวัดลำปาง โดยนายบริบูรณ์ วชิรนุภาพ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดลำปาง กล่าวว่า

ในเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะตัวบุคคลก็ยังเป็นบุคคลเดิมอยู่ โดยจะอิงเลข 13 หลักบนบัตรประจำตัวประชาชนเป็นตัวกำกับอยู่ แต่สถานภาพบางครั้งอาจจะต้องมีเอกสารกำกับ ในช่วงแรกจะมีบ้างที่จะต้องปรับแก้ ลูกค้าต้องนำหลักฐานมายื่นของเปลี่ยนแปลงสถานะคำนำหน้านาม หรือการใช้ชื่อ-สกุล ส่วนเรื่องโดยระบบไม่มีผลกระทบอะไรยังทำงานได้เป็นปกติ

สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนสถานะหรือเปลี่ยนชื่อ-สกุลก็ให้นำเอกสารหลักฐานการเปลี่ยนมายื่นให้ที่ธนาคารจะจัดการให้ ส่วนผู้ที่ไปเปลี่ยนสถานะมาแล้ว ยังไม่ต้องการเปลี่ยนข้อมูลจากเดิมที่มีอยู่ก็เป็นสิทธิ์ของตัวบุคคลเอง แต่เมื่อมีการถอนเงินหรือทำเอกสารสำคัญใดๆ จะต้องใช้ลายเซ็นเดิมให้เหมือนกับข้อมูลเดิมที่มีอยู่ด้วย
....................
สามารถติดตามอีกแหล่งข้อมูลใน"ครึ่งวันแรกคนลำปางใช้สิทธิ์เปลี่ยนคำนำหน้านามน้อยเกินคาด"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2551 13:46 น.
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000065251

ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

หวั่นฝันค้างรถไฟเด่นชัย-เชียงรายเชื่อมจีน

อปท.-ชาวบ้านหวั่นฝันค้างรถไฟเด่นชัย-เชียงรายเชื่อมจีน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2551 10:33 น.
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000062965

พะเยา – องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ คาด รถไฟเด่นชัย-เชียงราย ฝันค้าง ไม่มั่นใจจะเกิดได้เพราะรัฐบาลไม่มีงบ ฯ อีกทั้งที่ดินยังไม่มีการเวนคืน ชาวบ้านรอเก้อจนถึงทุกวันนี้ ด้าน ส.ส.ดันรางคู่เชื่อม จีน-ไทย-เวียดนาม กระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศรุ่ง

นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวถึงโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ที่ได้ริเริ่มโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ.2544 เป็นต้นมา ว่า นับเป็นเวลานานกว่า 6-7 ปีแล้ว ที่โครงการดังกล่าวบางช่วงผ่านพื้นที่ ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้หลายรัฐบาลที่ผ่านมาให้เหตุผลว่าไม่มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่คุ้มทุนหากมีการลงทุนก่อสร้างจริง

ดังนั้น จึงทำให้โครงการดังกล่าวเป็นเพียงฝันค้างจนถึงปัจจุบัน โดยส่วนตัวตนคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะขณะนี้รัฐบาลก็คงไม่มีงบประมาณเพียงพอเช่นกัน สังเกตได้จากที่ดินของประชาชนตามแนวเส้นทางผ่านของการศึกษาวางแผนในโครงการดังกล่าวยังไม่มีการเวนคืนที่ดินแต่อย่างใด

โดยส่วนตัวไม่มีความมั่นใจว่าเส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย จะเกิดขึ้นได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลไม่มีงบประมาณ ขณะเดียวกันกรมทางหลวงชนบทได้มีการเตรียมการสร้างเส้นทาง 2-4 ช่องทางจราจรผ่านทุ่งลอ เชื่อม R3A ใช้งบประมาณนับพันล้านบาท เส้นทางดังกล่าว คาดว่ามีความเป็นไปได้มากกว่าเส้นทางรถไฟเพราะมีงบประมาณรองรับแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเส้นทางหากสร้างได้จะเป็นเส้นทางรองรับการคมนาคมขนส่งได้อย่างดี โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจะทำให้ช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งทางบกได้ดีที่สุด ถ้าสร้างได้คิดว่าจะเชื่อมเส้นทางระหว่างประเทศไทย-ประเทศจีน ตอนใต้ ได้อย่างลงตัว

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย โครงการเดิมตนเห็นด้วยในเรื่องของเส้นทางเชื่อม แต่หากเป็นการก่อสร้างรางรถไฟรางเดี่ยวตนไม่เห็นด้วยเพราะไม่คุ้มทุน เนื่องจากปัจจุบันในเอเชียเส้นทางรถไฟเป็นรางคู่หมดแล้ว ทั้งในประเทศจีน เวียดนาม ก็ใช้รถไฟรางคู่

ดังนั้น หากจะผลักดันให้มีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย จะต้องทำเป็นรางคู่ เชื่อมตั้งแต่ประเทศจีน ตอนใต้ มายังประเทศไทย และเชื่อมโยงไปถึงประเทศเวียดนาม ทำให้เกิดการกระจายความเจริญด้านเศรษฐกิจตลอดพื้นที่ของเอเชียจึงจะทำให้เกิดการคุ้มทุนในการก่อสร้าง ซึ่งในประเทศไทยเส้นทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองต่างๆ ก็ต้องเป็นรางคู่ด้วยเช่นกัน คาดว่าต้องใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาทจึงสามารถดำเนินการได้

“หากจะสร้างรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ตนคิดว่าต้องยึดเส้นทางตามการศึกษาเดิมที่ได้มีการวางแนวไว้ ไม่ต้องศึกษาใหม่เพราะจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้น”
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST


เสาร์ 21
มิถุนา 51

สั่งปิดรร.เทศบาล 1 หลังโรคมือเท้าปากระบาด

สั่งปิดโรงเรียนเทศบาลลำปาง 1 หลังโรคมือเท้าปากระบาด
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2551 11:14 น.
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000066216

ลำปาง - เทศบาลนครลำปางสั่งปิดโรงเรียนเทศบาล 1 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และเฝ้าระวังต่ออีก 14 วันหลังเด็กป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก พร้อมแจ้งให้โรงเรียนในสังกัดเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดโดยในเรื่องความสะอาด

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งว่า เทศบาลนครลำปางมีคำสั่งให้โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านแสนเมืองมูล) ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง ปิดการเรียน 1 สัปดาห์และเฝ้าระวังต่ออีก14วัน หลังพบเด็กเป็นโรคมือเท้าปาก 2 คน

โดยในวันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ห้องเรียนแผนก อนุบาล 1-3 เจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุขเทศบาลนครลำปางได้ดำเนินการล้างทำความสะอาดเพื่อทำลายเชื้อโรคมือปากเท้าที่ระบาดในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการทำความสะอาดภายในห้องเรียน รวมทั้งอุปกรณ์การเล่นของเด็กและอุปกรณ์การนอน กระดาน พัดลมและอื่นๆ หลังจากนั้นก็ได้นำออกผึ่งแดดอีกครั้ง

นางวราภา อัญชณา ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านแสนเมืองมูล) เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อวาน (5 มิ.ย.) ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กที่ป่วยก็ได้ประสานงานไปยังกองสาธารณสุขเทศบาลนครลำปางทันที หลังจากนั้นทางเทศบาลก็จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและสั่งปิดการเรียนการสอนระดับอนุบาล ซึ่งมีเด็กทั้งหมดที่เรียนอยู่ในระดับ อนุบาล 1-3 มีจำนวน 125 คน พบเข้าค่ายจำนวน 33 คน ส่วนเด็กนักเรียนในระดับอื่นยังไม่พบ ภายหลังนำเด็กตรวจสุขภาพแล้วพบว่ามีเพียง 7 รายที่เข้าข่ายทั้งนี้ผู้บริหารได้สั่งให้โรงเรียนหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์และให้เฝ้าระวังต่ออีก 14 วัน

ขณะเดียวกัน ทางเทศบาลนครลำปางได้ขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนในสังกัดให้ดูเรื่องความสะอาดและเฝ้าระวังโรคดังกล่าวทุกโรงเรียนแล้วโดยให้แต่ละโรงเรียนแจ้งทันทีหากพบว่ามีเด็กในโรงเรียนเจ็บป่วยเพื่อจะได้ป้องกันการแพร่ระบาดได้ทันท่วงทีต่อไป

สำหรับโรคมือ เท้า ปาก เป็นกลุ่มอาการหนึ่งของโรคติดเชื้อไวรัส ในเด็กเล็กจน ถึงวัยอนุบาล ติดต่อกันด้วยการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ หรือน้ำในตุ่ม พุพองหรือแผลของผู้ป่วยซึ่งมีเชื้อโรคนี้อยู่ เป็นโรคที่ติดต่อกัน อาการที่พบ คือ เมื่อได้รับ เชื้อประมาณ 3-6 วัน จะมีอาการไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วันจะเจ็บ ปาก เนื่องจากมีจุดหรือผื่นแดง อักเสบที่ลิ้น เหงือกและกระพุ้งแก้ม ต่อมาจะเกิด ผืนแดงที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้นด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆ แดง และแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ เด็กจะป่วยอยู่นาน 7-10 วัน

ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาต กล้ามเนื้อ หัวใจอักเสบ บางรายมีอาการแทรกซ้อนที่ปอด ผู้ปกครองจึงควรให้เด็กอยู่ในความดูแล และได้กล่าวถึงการป้องกันว่าต้องดูแลในเรื่องของความสะอาด สถานที่ โดยเฉพาะศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และ เน้นให้เด็กล้างมือเป็นประจำ พ่อแม่ ครู ผู้ดูแลเด็กจะต้องดูแลเด็กเล็กเป็น พิเศษ เพราะเด็กเล็กจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดีในเรื่องการรักษาความสะอาดของเด็กเล่นควรนำมาล้างทำความสะอาด และนำออกผึ่งแดดเป็นประจำ

ผู้ปกครองหากพบว่า เด็กป่วยไม่ควรให้ไปโรงเรียน หรือไปอยู่ศูนย์เด็กเล็ก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อให้การักษาเป็นไปอย่างทันท่วงที
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ลำปางจัดระเบียบสังคม เดินหน้าตรวจจับร้านเหล้า

เมืองลำปางลุยจัดระเบียบสังคม เดินหน้าตรวจจับร้านเหล้าต่อเนื่อง
โดย ผู้จัดการออนไลน์
3 มิถุนายน 2551 11:00 น.
ที่มา
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000064617

ลำปาง - ชุดจัดระเบียบสังคมลำปางออกกวาดล้างตามมาตรการจัดระเบียบสังคม 180 วันเห็นผลของมหาดไทยจับกุม 2 ร้านค้าเปิดบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจำหน่ายสุราให้เด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีและปล่อยให้พนักงานนั่งบริการแขกโจ๋งครื่ม

เมื่อเวลา 22.00-02.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (2 มิ.ย.) ชุดจัดระเบียบสังคมจังหวัดลำปาง นำโดยนายสันติ นฤมิตร ป้องกันจังหวัด, นายสุทัศน์ สมคำ ปลัดอำเภอ, นายเกษม ใจจันทร์ ปลัดอำเภอ ชุด อส.จังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมกำลังออกกวาดล้างและตรวจสอบร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการในเขตเมืองลำปาง จำนวน 6 แห่ง

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดจำนวน 2 แห่ง โดยร้านแรก คือ ร้านเพื่อเหล้าปั่น ตั้งอยู่เลขที่ 378 ม.7 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง พบว่า เปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและขณะเข้าตรวจสอบพบมีการจำหน่ายสุราให้แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และได้วิ่งหลบหนีกันอลหม่าน แต่เจ้าหน้าสามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ 5 คน จึงได้นำตัวเจ้าของร้านและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

หลังจากนั้นได้เข้าตรวจสอบที่ ร้านเปรี้ยวปากอยากชิม ตั้งอยู่เลขที่ 200/7 ถ.เฉลิมพระเกียรติ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งร้านดังกล่าวได้ขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหาร จากการเข้าตรวจสอบพบว่าภายในร้านได้จัดให้มีเด็กไว้คอยนั่งและบริการแขกตามโต๊ะด้วย และชั้นบนได้มีการลักลอบเปิดให้บริการคาราโอเกะ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งขอหาให้รับทราบและนำตัวเจ้าของร้านและพนักงานที่นั่งให้บริการแขก ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การดำเนินการออกกวาดล้างปราบปรามการกระทำผิดและจัดระเบียบสังคมในครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการ ของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องการให้ทุกจังหวัดจัดระเบียบสังคมให้เรียบร้อยภายใน 180 วัน โดยในส่วนของจังหวัดลำปางได้ดำเนินการมาก่อนนั้นแล้วอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ยังคงพบมีการกระทำผิดอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
....................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

นายกแม่ปะห่วงปิดถนนแน่หากชาวบ้านผิดหวังสร้างอ่าง

นายกฯแม่ปะห่วง ชบ.ผิดหวังปิดถนน
โดย ลานนาโพสต์ออนไลน์
ที่มา :
http://www.lampangpost.com/news/679-3.htm

นายก อบต.แม่ปะเป็นห่วงชาวบ้านเอาจริงแน่หากผิดหวังเรื่องสร้างอ่างเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม วอนผู้ว่าเร่งประสานไปทางอธิบดีกรมอุทยานฯเจรจาขออนุญาตสร้างอ่างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เกรงงบกว่า 20 ล้านจะตกไปทั้งที่เป็นโครงการพระราชดำริ

นายณรงค์ อินต๊ะพันธุ์ นายก อบต.แม่ปะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีชาวบ้านตำบลแม่ปะกว่า 500 คนเดินขบวนไปที่ว่าการอำเภอเถินเรียกร้องพบนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอ และนายดิเรก ก้อนกลีบ ผวจ.ลำปางเพื่อเรียกร้องให้ประสานไปทาง อธิบดีกรมอุทยาน พันธุ์พืช และสัตว์ป่า เพื่ออนุญาตให้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากนั้น

ในทุกปีช่วงฤดูแล้งพื้นที่แม่ปะจะแล้งมากทำให้เกิดปัญหาด้านการทำการเกษตร แต่ในช่วงฤดูฝนหากฝนตกหนักติดต่อกันจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎร 10 หมู่บ้านกว่า 800หลังคาเรือน รวมถึง พื้นที่การเกษตร วัด และสำนักงาน อบต.แม่ปะต่างได้รับความเดือดร้อนกันทั่วเป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว และทั้งที่งบประมาณในการก่อสร้างอ่างได้ตกมาแล้วจำนวน 23 ล้านบาท แต่ทางกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ก็ยังไม่อนุญาตเวลานี้ที่ตำบลแม่ปะ เวลาหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำทำการเกษตร ในลำห้วยไม่มีน้ำขัง

ในขณะที่ทราบว่าทางอำเภอวังชิ้นมีการสร้างอ่างเก็บน้ำกันแล้ว ขอทีหลังแม่ปะด้วยซ้ำแต่เขากลับได้สร้างก่อน ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทั้งที่วังชิ้นจ.แพร่ และต.แม่ปะจ.ลำปางก็เกิดผลกระทบเหมือนๆกันไม่ทราบว่ามันติดขัดเรื่องอะไรอ่างแม่ปะถึงสร้างไม่ได้สักที

นายก อบต.แม่ปะกล่าวว่าตนได้รับทราบจากนายมงคล ปางชะกุล กำนัน ตำบลแม่ปะว่าตามที่ชาวบ้านออกมาเรียกร้องต่อนายอำเภอและผวจ.ลำปางเมื่อเร็วๆนี้ โดยให้เวลาทางราชการว่าในวันที่ 10 มิ.ย.51 นี้จะมาเอาคำตอบ ซึ่งในวันนั้น ได้รับทราบจากแกนนำชาวบ้านบอกว่า ถ้าวันที่ 10 มิ.ย.ได้คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจหรือยังไม่ได้คำตอบก็ดี ชาวบ้านแม่ปะจะทำการปิดถนนสายพหลโยธินเพื่อไม่ให้รถยนต์แล่นผ่านได้ทันที

เวลานี้ชาวบ้านยังมั่นใจว่าหน่วยราชการจะช่วยเขาได้และยังเกรงว่าถ้าเลยเดือนกันยายน 51 งบประมาณที่ได้มาจะตกไป ความเดือดร้อนของชาวบ้านก็จะไม่ได้รับการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยงานอุทยานแห่งชาติท่านหนึ่งทราบว่าถ้าจะสร้างอ่างเก็บน้ำจริงๆต้องมีการประกาศยกเลิกอุทยานก่อน และจะต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย เท่าที่ทราบระเบียบของอุทยานจะอนุญาตให้สร้างได้ต้องอยู่ใน 2 กรณีหลัก คือ เป็นโครงการพระราชดำริ และเพื่อความมั่นคงของชาติ ความจริงเรื่องนี้ทางอธิบดีฯสามารถอนุมัติให้สร้างก่อนก็ได้ แต่อุทยานจะผ่อนผันหรือไม่ในส่วนตัวแล้วตนยังหวังทางจังหวัดน่าจะคุยกับทางหน่วยราชการด้วยกันรู้เรื่องเจ้าหน้าที่นายนั้นกล่าว

นายณรงค์ อินต๊ะพันธุ์ นายก อบต.แม่ปะ กล่าวอีกว่า ตนอยากเรียนว่าความเดือดร้อนของชาวบ้านได้รับเกือบจะทั้งตำบลมาตั้งแต่ปี 44 และเป็นอย่างนี้ทุกปี พอได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับโครงการนี้เข้ามาอยู่ในโครงการพระราชดำริ งบประมาณก็มาแล้วแต่กลับไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าของพื้นที่คิกกรมอุทยานฯ และหากงบประมาณการก่อสร้างต้องตกไป ชาวบ้านเขาคงทนไม่ได้ตนแล้วจึงเป็นห่วงว่าในวันที่ 10 ม.ย.ที่ทางชาวบ้านจะนัดฟังคำตอบที่อ.เถินแต่จะส่งตัวแทนเข้าพบผวจ.เพื่อฟังคำตอบ ถ้าหากพวกเขาผิดหวังไม่ได้รับคำตอบ หรือคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจตนก็เกรงว่าชาวบ้านจะพากันปิดถนนพหลโยธินอย่างที่ประกาศไว้ต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางที่หน้าที่ว่าการอำเภอเถินทันที ตนคาดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นผู้ใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะรถโดยสารและบรรทุกพืชผลการเกษตรออกสู่ตลาดต้องเดือดร้อนแน่ครับ

ด้านนายดิเรก ก้อนกลีบ ผวจ.ลำปางให้สัมภาษณ์ว่า จากการที่ได้โทรศัพท์พูดคุยกับท่านอธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ท่านบอกว่าขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอุทยานแห่งชาติหลังจากนั้นจะนำเข้าสู่ครม.เพื่อพิจารณาซึ่งเรื่องนี้ทางท่านก็บอกกับตนว่าไม่เกินวันที่ 10 มิ.ย. 51 นี้ ผลที่ออกมาจะนำไปสู่ขบวนการในการที่จะเพิกถอนเขต อุทยานแห่งชาติออกจากเขตที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะ ซึ่งคิดว่าคงต้องมีการนำไปสู่กฤษฎีกาและครม.แน่นอน

อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ตนหวังในความกรุณาของทางท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติที่จะเมตตาชาวลำปางโดยเฉพาะชาว ต.แม่ปะที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะโครงการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงรับเข้ามาไว้ในโครงการพระราชดำริซึ่งพระองค์ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขทุกข์พสกนิกรของพระองค์ท่าน เมื่อสร้างอ่างแม่ปะแล้วนอกจากจะแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำไหลหลากในช่วงฤดูฝน อ่างแม่ปะยังสามารถใช้เป็นที่กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในฤดูเพาะปลูกได้อีกด้วย

ทั้งนี้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 23 ล้านบาทเพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะมาแล้ว กรมชลประทานก็ออกแบบเรียบร้อย ประมูลงานเรียบร้อย ตนจึงเชื่อว่าคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติคงจะไม่ขัดข้องและนำไปสู่ขบวนการการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของชาวบ้าน แม่ปะ จ.ลำปางของเรา เบ็ดเสร็จตามขั้นตอนหลังออกจากที่ประชุมคณะกรรมการฯไม่น่าจะเกินเดือนกรกฎาคม ก็ลงมือก่อสร้างได้อย่างแน่นอน ผวจ.ลำปางกล่าว
......................................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ชาวนาลำปางแห่ขายข้าวนาปรัง

ชาวนาลำปางแห่ขายข้าวนาปรัง
โดย ผู้จัดการออนไลน์
30 พฤษภาคม 2551 10:46 น.
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000062967

ลำปาง – ชาวนาเมืองเขลางค์นครแห่นำข้าวนาปรังขาย หลังโรงสีเปิดจุดรับซื้อตามนโยบายรัฐแล้ว 2 จุด

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ชาวนาในจังหวัดลำปาง ที่รอนำข้าวขายให้กับเอกชนหรือโรงสีขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อข้าว โดยการประสานงานของการค้าภายในจังหวัดลำปาง ได้ทยอยเข้ารับซื้อข้าวของเกษตรกรแล้ว โดยมีโรงสีเอกชน คือ โรงสีอรรพล จากจังหวัดแพร่ เป็นผู้เข้ามารับซื้อ โดยมีการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว รวม 2 จุด คือที่ บริเวณศูนย์เด็กเล็กบ้านม่อนเขาแก้ว ตำบลพิชัย และบริเวณร้านค้าชุมชนตำบลชมพู (สี่แยกภาคเหนือ) อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

สำหรับการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวทั้ง 2 แห่ง มีเจ้าหน้าที่จากการค้าภายในจังหวัดลำปาง เป็นผู้เข้าไปดูแลความเรียบร้อย โดยมีการกำหนดราคาไว้ที่ ข้าวเปลือกเหนียวความชื้นไม่เกิน 15% ราคาตันละ 9,000 บาท ส่วน ความชื้นระหว่าง 16-29% ราคาตันละ 8,000 กว่าเฉลี่ยกันไป ความชื้นสูงกว่า 30% ราคาตันละ 7,000 บาท

ทั้งนี้ เกษตรกรที่นำข้าวมาขายต่างพอใจกับราคานี้ คาดว่า ในวันนี้จะมีเกษตรกรนำข้าวมาขายกว่า 200 ตัน จากเมื่อสองวันที่ผ่านมามีเกษตรกรทยอยนำมาขายแล้วกว่า 300 ตัน ทั้งนี้การเปิดจุดรับซื้อจะยังคงเปิดไปเรื่อยๆ จนกว่าเกษตรกรจะขายหมดโดยไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นไปตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก โดยจะร่วมรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวนาปรังจากเกษตรกร ในราคาตันละ 9,000 บาท (ความชื้นไม่เกิน 15%) ราคาตันละ 8,000 บาท (ความชื้นไม่เกิน 25%) และตันละ 7,000 บาท (ความชื้นสูงกว่า 25%)
......................................
ผู้สื่อข่าว
onlampang POST

เสาร์ 21
มิถุนา 51

ถล่มผู้ว่าฯรับสินบนฟอกผิดนายกเล็ก


ป้ายผ้าที่เป็นข่าว
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000066642

การเมืองท้องถิ่นลำปางคุกรุ่น/ถล่มผู้ว่าฯรับสินบนฟอกผิดนายกเล็ก

โดย ผู้จัดการออนไลน์
7 มิถุนายน 2551 12:16 น.

ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000066642

ลำปาง – มือดีนำป้ายผ้าเขียนข้อความถล่ม “ผู้ว่าฯรับสินบน” หลังนายกเล็กนครลำปางพ้นผิดกรณีมีผู้ร้องเรียนว่ามีส่วนได้เสียในกิจการเทศบาล

การเมืองท้องถิ่นลำปางเริ่มเข้มข้น หลังฝ่ายตรงข้ามทำหนังสือร้องเรียนนายนิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ว่าเข้าไปมีส่วนได้เสียในการจัดงาน “ไก่ขาวเกมส์” โดยระบุว่า โรงเรียนซึ่งมีนายนิมิตร เป็นเจ้าของเข้าไปมีส่วนในการรับงานแปรอักษรให้กับเทศบาลนครลำปางในการแข่งขันกีฬานักเรียนเทศบาลและเมืองพัทยา รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่24 ในวันที่ 18-25 มกราคม 2550

ล่าสุดนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วได้ได้แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.51 ว่า กรณีดังกล่าวยังไม่อาจรับฟังได้ว่านายกเทศมนตรีนครลำปาง มีความสัมพันธ์ในเชิงประโยชน์จากการกระทำเทศบาลนครลำปาง และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือพฤติการณ์ใดที่แสดงให้เห็นว่า นายนิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปางได้มีการใช้โอกาสในฐานะที่ตนดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีสร้างประโยชน์ส่วนตนโดยเบียดเบียนหรือคุกคามประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ของเทศบาล จึงยังไม่อาจถือได้ว่าเข้าลักษณะเป็นผู้กระทำการอันเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่ทำกับเทศบาลนครลำปาง

หลังแจ้งผลการตรวจสอบได้เพียงวันเดียว รุ่งขึ้น(6 มิ.ย) ได้มีมือดี เขียนป้ายผ้าข้อความว่า “ผู้ว่าดิเรก รับสินบน นิมิตร ไก่ขาวเกมส์ จึงพ้นผิด” ปิดไว้บริเวณข้างรั้ว กลางเมืองลำปาง แต่ก็ปิดไว้ได้เพียงครึ่งวัน ช่วงบ่ายได้มีคำสั่งให้ปลดป้ายดังกล่าวออกทันที





ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวออกมามากมายว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางมีคำสั่งให้นายกเทศมนตรีนครลำปางมีความผิดและมีคำสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องออกมาประโคมข่าวกันอย่างแพร่หลายทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ ที่อยู่อยู่ในเครือข่าย แต่เมื่อผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏออกมาแบบตรงข้าม จึงทำให้มีการเล่นนอกเกมส์เกิดขึ้น
.......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

เสาร์ 21

มิถุนา 51