บทบรรณาธิการ
เรื่องใหญ่ และเรื่องสำคัญของสังคมไทย ที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่กันเท่าใดนัก ก็คือระบบฐานข้อมูล การจัดทำระบบหอจดหมายเหตุ โดยเฉพาะลำปางเอง ข้อที่น่าตกใจคือว่า ลำปางเคยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2492 คือ ไทยลานนา และ เอกราช ในปีพ.ศ.2500
แต่ลำปาง ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จะเก็บสิ่งตีพิมพ์ดังกล่าว (ยังไม่ต้องนับถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และข้อมูลอีกจำนวนมหาศาลที่ขาดการจัดเก็บเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังค้นคว้า ศึกษา) เราจึงไม่สามารถหาต้นฉบับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เพื่อค้น "ประวัติศาสตร์" และ "เรื่องราวลำปาง" แม้ในระยะสั้นๆ เพียง 50 -60 ปี
เชื่อว่าอีกไม่นานเรื่อง "น้ำท่วมใหญ่ลำปาง 2548" ที่สร้างความพินาศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ก็คงจะเป็นเพียงเรื่องเล่าจากความทรงจำจางๆ เช่นเดียวกับที่เหตุภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดกับลำปางแต่มิได้รับการบันทึก ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ตลาด น้ำท่วม คนประสบภาวะหิวโหย...ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่สามารถสืบค้นทางประวัติเอกสารได้แน่ชัด...และถูกหลงลืมไปในที่สุด
หากไม่มองโลกในแง่ร้ายนัก ในโลกคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต อันเป็นโอกาสอันกว้างขวางที่สามารถย่นเวลา และระยะทางการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมหาศาล วันนี้ขณะที่ seacrh หาข้อมูลข่าวทำให้ได้พบกับเว็บไซต์หนึ่งนามว่า http://www.lampang2u.com/ เว็บนี้มีความพยายามอย่างยิ่งในการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลร้านค้าลำปาง และข่าวท้องถิ่นลำปางได้อย่างน่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอ ยังคับแคบเกินไป เมื่อเทียบกับความกว้างขวางในโลกไซเบอร์ พื้นที่ตรงนี้ จึงอาสาที่จะออกมาเพื่อรองรับกับ ข้อมูล ข่าวสาร และสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำปาง ในปัจจุบันสมัย เท่าที่จะมีกำลังจะทำได้ ขณะเดียวกันก็มองลู่ทางของเครือข่ายในมหาสมุทรแห่งข้อมูลของลำปางไปด้วย
ขณะที่ on Lampang : เปิดโลกลำปาง ก็ทำอีกหน้าที่หนึ่งในการรวบรวมฐานข้อมูล และข่าวสารทางศิลปวัฒนธรรมอันเป็นรากฐานสำคัญหนึ่งของลำปาง ซึ่งคนละบทบาทกับที่แห่งนี้ จึงถือว่า บทนำนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่ง ที่ออกก้าวเพื่อวันข้างหน้า ดังที่ เอนก นาวิกมูล นักเขียนสารคดีชื่อดัง เคยบอกไว้ว่า "เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า"
ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ on Lampang POST
ศุกร์ 2
พฤษภา 51
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ชุมชนบ้านดงม่อนกระทิง คว้าถ้วยพระราชทานฯ ธนาคารขยะ
ที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดลำปาง
http://www.lampang.go.th/publish51/news/5june3.htm
นายกิติภูมิ นามวงค์ รองนายกเทศมนตรีนครลำปาง เปิดเผยว่า จากการที่ชุมชนบ้านดงม่อนกระทิงได้จัดทำโครงการ บริหารจัดการขยะมูลฝอย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา จนประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์แก่ชุมชนรวมถึงสามารถบริหารจัดการและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการธนาคารวัสดุรีไซเคิลเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 80 ชุมชน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาได้คัดเลือกชุมชนบ้านดงม่อนกระทิง เทศบาลนครลำปาง ให้ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานและโล่ห์เชิดชูเกียรติการบริหารจัดการขยะมูลฝอยดีเด่น และจะเข้ารับมอบถ้วยพระราชทานฯ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2551 ระหว่าง เวลา 08.00 – 11.00 น . ณ ห้องแกรนไดมอนด์ บอล อิมแพค เมืองทองธานี
รองนายกฯ กล่าวอีกด้วยว่า ตนในฐานะผู้กำกับดูแลงานด้านชุมชนรู้สึกดีใจที่ชุมชนในเขตเทศบาลนครลำปาง มีผลงานจนได้รับรางวัลสูงสุด ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อชุมชนอื่นๆ โดยในขณะนี้ ชุมชนต่างๆในเขตเทศบาลนครลำปาง กำลังรวมตัวกัน เพื่อสร้างกิจกรรมดีๆเพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนของตนต่อไป .
จันทร์สวย บุญนำมา / ข่าว
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
ไข้เลือดออกลำปางน่าห่วง 1 สัปดาห์ป่วย 21 ราย
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง
http://www.lampang.go.th/publish51/news/5june2.htm
นายแพทย์ชิโนรส ลิ้มสวัสดิ์ รักษาการนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกจังหวัดลำปางในขณะนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสายใต้ คือเริ่มตั้งแต่ อ.เมืองลำปาง ลงไปทาง อ.เกาะคา อ.เถิน
พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม – มิถุนายน 2551 พบผู้ป่วย รวมทั้งสิ้น จำนวน 81 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสม 10.49 ต่อจำนวนประชากรแสนคน
พบผู้ป่วยมากที่สุด ที่ อ.เกาะคา 7 คน อัตราป่วย 30.08 ต่อจำนวนประชากรแสนคน
รองลงมา อ.เถิน 4 คน อัตราป่วย 19.31 ต่อจำนวนประชากรแสนคน
อันดับที่สาม อ.แม่พริก 3 คน อัตราป่วย 35.45 ต่อจำนวนประชากรแสนคน
อำเภอเมืองลำปาง 5 คน เป็นผู้ป่วยนอกเขตเทศบาล 3 คน อัตราป่วย 35.42 ต่อจำนวนประชากรแสนคน
อำเภอแม่ทะ 1 คน อำเภอวังเหนือ 1 คน
โรคไข้เลือดออกส่วนใหญ่จะเกิดในฤดูฝน แต่ปัจจุบันยังพบผู้ป่วยได้ในทุกฤดู และจะเริ่มพบจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นในฤดูฝน ซึ่งมักจะมีน้ำขังตามที่ต่าง ๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่ยุงลายจะวางไข่ และฟักตัวจำนวนมาก จึงมีโอกาสเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดโรคไข้เลือดออกหากถูกยุงลายกัด
อีกทั้งขณะนี้ เป็นช่วงเปิดเทอมของนักเรียนทุกสถาบัน จึงขอความร่วมมือโรงเรียนทุกแห่ง อสม.และเจ้าของบ้านทุกหลัง ช่วยกันรณรงค์กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลายภายในบ้านและรอบ ๆ บ้านและในโรงเรียนทุก 7 วัน โดยบ้านที่มีลูกน้ำยุงลายต้องดูแลเป็นพิเศษคือใช้ทั้งเคมีฉีดพ่นยุงตัวแก่ และการกำลังแหล่งเพาะพันธุ์ ซึ่งควรมีการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพราะการกำจัดลูกน้ำยุงลายทำได้ง่ายกว่ากำจัดตัวยุงลาย
ดังนั้นขอประชาชนทุกท่านร่วมดำเนินการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างจริงจัง และทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกของตัวท่านเอง และสมาชิกในครอบครัวทุกครอบครัว.
นงค์เยาว์ ปัจจามิตร์/ข่าว
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
บรรณาธิการลานนาโพสต์มองลำปาง
ที่มา : ลานนาโพสต์ออนไลน์ (บทบรรณาธิการ)
http://www.lampangpost.com/butkaom/669b1.htm
ขออนุญาต ลอกหัวข้อของ คุณ อมรบรรณ หนึ่งในท่านที่เขียนคอลัมน์ให้ลานนาโพสต์ประจำทุกฉบับ ในหน้า 7คอลัมน์ ที่ชื่อ “เปิดบ้านส่องเมือง”มาเพิ่มเติมหรือขยายความคิดกันออกไปอีกหน่วยส่วนเรื่องเดิมไปหาอ่านกันได้ในฉบับที่แล้ว
และเมื่อรวมกับข่าวของลานนาโพสต์นี่เรื่อง ที่ ส.ส.จรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ที่บอกว่า เดี๋ยวนี้ ส.ส.ลำปาง ร่วมกันทำงาน เพื่อชาวลำปาง ทั้ง 5 คน พร้อมทั้งยืนยัน มีการพบปะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องปัญหาพี่น้องชาวลำปางเป็นประจำ หมดยุคพรรคเดียวกันแต่คนละพวกไปแล้ว
แม้จะดีใจ แต่นั่นก็เป็นการพบปะพูดคุยกันในสภา ที่ประชาชนไม่ได้รับรู้ด้วย ก็เลยนึกถึงสภาพัฒนาเศรษฐกิจ ลำปางขึ้นมาได้
บอกตรงๆก็คือ ประชาชนส่วนหนึ่งอยากเห็นผู้แทนของเขา มานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนลำปางที่ไม่ใช้เจ้าภาพงานต่างๆหรือหัวคะแนน และ แม้ว่าคนที่อยากเห็นผู้แทนทำหน้าที่ผู้แทนเหล่านั้นจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งคือของสังคมเมืองลำปาง แต่ก็เชื่อว่า พวกเขาเหล่านั้น มีความรู้ มีความคิดและมีประสบการณ์ในการทำงานด้านต่างๆมาไม่น้อย
คงจะจำได้ เมื่อครั้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดท่านปัจจุบัน จัดสัมมนาครั้งใหญ่เพื่อรวบรวมความคิดจากทุกภาคส่วน ในการวางแผนจัดงบประมานลำปางในอนาคต สร้างความหวังและจุดประกายทางความคิดคนลำปางให้กระตือรือร้นมากและมีความหวังขึ้นอย่างมาก
น่าเสียดายที่เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ไม่เคยได้ข่าวว่ามีหน่วยงานไหนหยิบเอาแผนที่ว่ารวบรวมไว้หมดแล้วนั้นมาทำเป็นโครงการให้ได้เห็น
แต่ผลที่ได้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆส่วนหนึ่งคือ แนวคิดเรื่องแกนหลักในการพัฒนาให้ต่อเนื่อง ควรจะต้องเกิดจากคนลำปางเป็นหลัก ส่วนราชการคือ ผู้ช่วยเหลือ ผู้ส่งเสริมผลักดันให้มีความเป็นจริง หรือ เป็นผู้นำแนวคิดไปพัฒนาและปรับให้เข้ากับระบบบริหารราชการ
สำหรับแนวคิดเรื่อง สภาพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จังหวัดลำปางนั้น หลายคนได้พยายามขยายความคิดกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งบางคน อาจต่างวิธีการไปบ้าง แต่ผลสรุปก็ออกมาแนวทางคล้ายๆกัน ด้วยเหตุผลการเริ่มความคิดที่คล้ายๆกัน คือ สังคมลำปางไม่ได้รับรู้หรือร่วมคิดในการพัฒนาเมืองลำปางเท่าที่ควร
สำหรับกลุ่มที่เดินหน้าในการนำสังคมลำปางให้คนลำปาง ร่วมกันแสดงความคิดและให้ข้อเสนอแนะเป็นประจำคือ กลุ่ม ที่เรียกตัวเองว่า “ ป๊ะกั๋นยามแลง” จัดมา 9 ครั้งแล้ว ล่าสุดเป็นเรื่อง บริโภคมีสิทธิ์จริงหรือ (รายละเอียดการเสวนาหาอ่านได้ใน http://lampangtalk.blogspot.com/)
ที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอีกกลุ่มก็คือ แนวทางของ ดร.กระหยิ่ม ศานต์ตระกูล ที่อยากจะให้คนลำปาง มีการรวมกลุ่มกันเป็น “เครือข่ายภาคประชาชน” เพื่อช่วยตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ และช่วยเหลือสังคมลำปางโดยคนลำปาง
ส่วน เรื่องของ สภาพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมลำปาง เกิดขื้น เนื่องจากว่าปัจจุบันสังคมมีความซับซ้อนมากขั้น ประชาชนทั่วไปอาจไม่มีข้อมูลพอที่จะวิเคราะห์เรื่องราวได้ถูกต้อง ผลก็คือ ประชาชนเหมือน จิ้งหรีด ที่ถูกคนที่มีอำนาจ มีพลังที่เหนือว่า ปั่นหัวด้วยข้อมูลสารพัดทุกช่องทาง
สุดท้าย ก็มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กันเอง ด้วยแนวคิดที่แตกแยกกันสุดขั้ว
สำหรับความคืบหน้าในด้านของ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่ผ่านมา มีการประชุมแบบไม่เป็นทางการไป 2-3 ครั้ง แล้ว ได้แนวความคิดหลายอย่าง แต่ถ้าจะให้มีพลังจริง คงต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขื้น เป็นการมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของการพัฒนา หรือเรื่องของสังคม ประเพณีวัฒนธรรม
หวังว่าอีกไม่นาน คงจะมีคนลำปางสนใจเข้าร่วมกันเป็นกลุ่มพลังภาคประชาชนที่ชื่อ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ลำปาง อย่างน้อย ประเทศหรือลำปางเราจะได้ไม่ต้องมาปวดหัวปวดใจกับยุทธการ สร้างแล้วทุบ ทำแล้วเลิก เสียเงินงบประมาณจำนวนมากโดยใช่เหตุ เพราะเพียงเหตุผลว่า เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรี เปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเปลี่ยนหัวหน้าส่วนราชการเท่านั้นเอง
..................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
ลำปางเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยดินถล่ม
2 มิถุนายน 2551 / 19:57:30
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080602195730
นายชาย พานิชพรพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แจ้งว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศในช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยปี พ.ศ.2551 ตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ลักษณะอากาศจะแปรปรวน
คาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตกและอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ ซึ่งจะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นเป็นผลให้มีฝนตกเพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่มและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ราบลุ่มหรือบริเวณเชิงเขา อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
จังหวัดลำปาง จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ปี 2551 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง ศาลากลางจังหวัดลำปาง ชั้น 4 โทรศัพท์/โทรสาร 054-265072-4 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานการปฏิบัติและเป็นศูนย์ข้อมูลกลางในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจังหวัดได้มีแผนปฏิบัติ ปี 2551 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแล้ว
ข่าวโดย : ส.ปชส.ลำปาง / ข่าว
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
โต้เช่าที่พุทธสถานถูกกฎหมาย
วันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ติดตั้งบริเวณพุทธสถานลำปาง ถ่ายเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551
"หญิงอ้อ" ออกโต้ เช่าที่ถูกกฎหมาย
ที่มา : ลานนาโพสต์
http://www.lampangpost.com/news/679-4.htm
รองฯสามารถลุยเอง เข้าตรวจสอบพุทธสถานยันล๊อกกุญแจ 1 มิ.ย. ขณะที่คุณหญิงอ้อ ออกโต้เช่าที่ถูกกฎหมาย
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 16.00 น.นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมด้วยนายสมภพ สุวรรณปัญญา นายทัศพล อ๊อดปัญญา เจ้าหน้าที่ ศตส.จ.ลำปาง ชุดจัดระเบียบสังคม และเจ้าหน้าที่อส. ได้เข้าตรวจสอบบริเวณพุทธสถาน ข้างวัดเชียงราย อำเภอเมืองลำปาง ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเช่าพื้นที่และผลประโยชน์ ซึ่งได้มีการประชุมและการทำประชาคมมาหลายครั้งยัง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้
ดังนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง จึงได้เข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญญาที่เกิดขึ้นซึ่งนับวันจะยิ่งบานปลาย เนื่องจากผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกตามที่วัดเชียงรายได้ร้องขอ วัดจึงไม่สามารถนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมของวัดได้ และขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกำลังตรวจสอบภายในพุทธสถานอยู่นั้น ก็ได้พบกับนางสิริกร แจ่มสุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองทำธุรกิจ โดยนางสิริกร ได้ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่ย้ายออกไป เพราะตนได้ทำสัญญาเช่าถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ทางด้านนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ยืนยันว่า จังหวัดได้มีการออกคำสั่งให้ปิดพุทธสถานภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ทันที โดยได้มีประกาศแจ้งให้เจ้าของแผงพระทุกคนทราบแล้ว และให้ข้นย้ายสิ่งของออกไปให้หมด หากไม่ย้ายสิ่งของออกในวันที่กำหนด ทางจังหวัดจะถือว่าสิ่งของเหล่านั้นตกเป็นสมบัติของวัดเชียงราย และในวันที่ 1 มิถุนายน จะนำเจ้าหน้าที่ อส.นำกุญแจมาล๊อกประตูทั้ง 2 ด้าน และให้ที่ทำการพุทธสมาคมจังหวัดลำปาง กลับไปอยู่ที่ตั้งเดิมคือที่ศาลาธรรมวัดเชียงราย หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป
และเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.30น นางสิริกร แจ่มสุวรรณ อายุ 50 ปีบ้านเลขที่ 50 หมู่ 5 ต.นาอัน องพิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าสถานที่บริเวณภายในพุทธสถานเพื่อให้แผงพระเข้ามาเช่าบริเวณดังกล่าว เพื่อขายพระเครื่องและพระบูชาอีกต่อหนึ่งโดยได้นัดสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนางสิริกรผู้เช่าสถานที่ในพุทธสถานดังกล่าว ถูกนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางแจ้งให้ทราบว่ามติทางจังหวัดให้เก็บข้าวของออกไปจากที่ธรณีสงฆ์วัดเชียงราย เนื่องจากทางวัดต้องการเข้ามาจัดระเบียบใหม่เพื่อเข้ามาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมของสงฆ์ในวันสำคัญๆ โดยให้ทำการขนข้าวของย้ายออกไปภายในสิ้นเดือนพ.ค. 51 ไม่เช่นนั้นจังหวัดจะดำเนินการโดยเด็ดขาด
ในเรื่องดังกล่าวนางสิริกร กล่าวชี้แจงว่า ตนเช่าพุทธสถานมาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2542 โดยได้ทำสัญญาเช่ากับนายบุญเจริญ พรหมไชยวงศ์ นายกพุทธสมาคมจังหวัดลำปางคนเก่า เพื่อให้ผู้ประกอบการแผงพระนำพระเครื่องและพระบูชาเข้ามาวางจำหน่าย ให้กับผู้ที่สนใจในเรื่องของพระเครื่อง การเข้ามาภายในสถานที่พุทธสถานตนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่ โต๊ะ เก้าอี้ วางแผงพระ จัดหาเต้นท์ มาตั้งเพื่อบังแดดฝนให้ทั้งผู้ขายและคนเข้ามาชมและซื้อพระ
ในด้านของการเก็บค่าเช่าแพงจากบรรดาแผงพระที่มาเช่านั้น นางสิริกรเปิดเผยว่า ระหว่างวันจันทร์ – วันพฤหัส และเสาร์ อาทิตย์ ตนให้ขายฟรีไม่คิดค่าวางแผงแม้แต่บาทเดียว แต่จะขอเก็บค่าเช่าแผงเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น โดยเก็บตั้งแต่ 30 – 100 บาท คิดต่อวันไม่ใช่เป็นเดือนอย่างที่เป็นข่าว ส่วนราคาก็คิดตามขนาดแผงที่วางเท่านั้น ส่วนที่มีการพูดว่าที่นี่สร้างรายได้มหาศาลให้ตน เดือนละหลายหมื่นบาทนั้นน่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่ผิด
นางสิริกร ยังเปิดเผยด้วยว่า ตนใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะดึงแผงพระมารวมไว้ที่ในพุทธสถาน ยอมรับว่าช่วงที่จตุคามรามเทพกำลังโด่งดังจะมีคนเข้ามาเที่ยวชมองค์จตุคามรามเทพรุ่นต่างๆกันมาก แต่หลังจากที่ความนิยมเสื่อมน้อยลงคนก็หายไปด้วย ถ้าเป็นวันธรรมดาทั้งแผงพระทั้งจำนวนคนที่เข้ามาก็มีเท่าที่เห็น นางสิริกรพูดพร้อมกับชี้ให้ดูจำนวนแผงพระในเต็นท์ภายในพุทธสถานที่มีอยู่ไม่เกิน 10 แผงเท่านั้น
นางสิริกร ยังกล่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนครั้งนี้ว่า เป็นการขอความเป็นธรรมเพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวที่ออกมาจากจังหวัดเพียงด้านเดียว นอกจากนี้ยังมีการให้ข่าวด้วยว่าตนไม่ยอมย้ายออกจากพุทธสถานก็เพราะผลประโยชน์มหาศาลก็ต้องขอให้สื่อลองดูด้วยตาว่า วันๆมีแผงพระไม่ถึง 10 แผง แล้วผลประโยชน์จะมาจากไหน ถึงกระนั้นการที่คนของทางราชการจะใช้วิธีรุนแรงเพื่อให้ตนและผู้เช่าต้องออกไปจากบริเวณพุทธสถานจะทำให้ครอบครัวคนที่ทำมาหากินด้วยความสุจริตต้องเดือดร้อนแน่นอนเพราะไม่สามารถทำมาหากินได้ ซึ่งพวกตนคงจะยอมไม่ได้เพราะการเข้ามาได้มีการทำสัญญาถูกต้องไว้กับทางสมาคมไว้แล้ว
นางสิริกรยังกล่าวอย่างจริงจังด้วยว่า ถ้ามีการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินที่เป็นแผงพระ รวมทั้งทรัพย์สินในพุทธสถานจริงอย่างที่มีการออกข่าวล่วงหน้าก่อนแล้วนั้น ตนจะต้องขอความเป็นธรรมต่อกฎหมายด้วยการดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกทุกคน เพราะถือว่า มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ทางคณะกรรมการวัดเชียงรายได้มีหนังสือแจ้งให้นางสิริกรให้ไปร่วมรับฟังการประชุมเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ โดยแจ้งว่านายสามารถ ลอยฟ้า รองผวจ.จะเดินทางไปร่วมรับฟังด้วยแต่ปรากฏว่านายสามารถไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุม
นางสิริกรเห็นว่ากรณีดังกล่าวหากจะคุยกับคณะกรรมการโดยตรงคงไม่สามารถจะหาข้อยุติไมได้ เพราะส่วนใหญ่จะให้ย้ายออกไป โดยอ้างการเข้าทำประโยชน์ของทางวัดเอง นางสิริกรจึงไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุมด้วยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามมาทราบภายหลังว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากนางสิริกรไม่ทำการย้ายข้าวของและแผงพระออกไปภายในสิ้นเดือนพ.ค.51 นี้
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
เตรียมจัดสร้าง Skywalker ที่ดอยจงแจ้ห่ม
เตรียมจัดสร้าง Skywalker ที่ดอยจงแจ้ห่ม
ที่มา : ลานนาโพสต์
http://www.lampangpost.com/news/679-7.htm
งบ 8.5 ล้าน รองชายดันสร้างสกายวอกเกอร์ ยาว 1 กิโล ที่แจ้ซ้อน สำรวจดอยจงดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลาประมาณ 13.30 น. ได้มีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง ที่โรงแรมรีเจนท์ลอจ์ด โดยมีนายชาย พาณิชพรพันธ์ รองผู้ว่าราชการเป็นประธานในการประชุม ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ มีทั้งตัวแทนจากภาครัฐ และตัวแทนจากภาคเอกชนต่างเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้นายชาย พาณิชพรพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้กล่าวว่า “ กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ที่จะเข้าร่วมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2551 และงาน Thailand Travel Mart 2008 ที่จะขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน 2551 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดลำปางควรจะใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์กับการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดให้มากที่สุด บูทของจังหวัดควรที่จะทำป้ายชื่อของลำปางขนาดใหญ่เพื่อที่จะได้สะดุดตา ส่วนการขายสินค้าทางการท่องเที่ยวต้องมองว่า เราต้องทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ลองไปทำการตลาดในงานครั้งนี้ก่อน
หากไม่ลองทำก็ไม่มีประสบการณ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่สนใจที่จะมาลงทุนด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพราะลำปางมีการเติบโตอยู่ที่ 0.05 % หากจะมาลงทุนเป็นเรื่องเป็นราวก็คงจะไม่ได้ แต่ในอนาคตอาจไม่แน่ที่จะเข้ามาลงทุน ตอนนี้เราต้องยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้
ขณะนี้ได้งบประมาณ 8.5 ล้านจากงบพัฒนาจังหวัด เพื่อที่จะนำมาสร้างสกายวอกเกอร์ เป็นการสร้างเส้นทางบนยอดไม้ ซึ่งจะสร้างที่วนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ความยาวของเส้นทางบนยอดไม้แห่งนี้จะมีความยาวไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร ขณะนี้ให้ทางโยธาออกแบบว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน โดยจะต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความแข็งแรงและทนทาน
เมื่อสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวบนยอดไม้เสร็จแล้วจะนำสัตว์ต่างๆ เช่นนกยุงมาปล่อยในบริเวณเส้นทางนี้ เพื่อที่จะเป็นการเพิ่มจุดขายและศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้กับแจ้ซ้อนเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าในประเทศไทยยังไม่มีที่ไหนทำ โครงการนี้ตนได้คิดมานานตั้งแต่อยู่กระบี่แล้วแต่ยังไม่ได้ทำ
รองผู้ว่าราชการได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าว่า “ สัปดาห์ที่ผ่านมาพยายามที่จะขึ้นดอยจง อ.สบปราบ ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร แต่ว่าเส้นทางยังทุลักทุเลอยู่จึงได้สั่งการให้ทางอำเภอทำเส้นทางให้สามารถที่จะเดินขึ้นได้สะดวกกว่าเดิม เนื่องจากว่าดอยจงมีศักยภาพที่จะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ได้ เนื่องจากว่า อดีตที่ผ่านมาใช้เป็นที่ตั้งเรด้า หากดูในแผนที่มีเนื้อที่ประมาณเกือบ 100 ไร่ ที่เป็นพื้นที่ราบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร อีกทั้งยังมีลานสน 3 ใบ และมีกล้วยไม้พันธ์ฟ้ามุ่ยเป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ของจังหวัดเพราะอยู่ห่างจากถนนสายหลักเข้าไปเพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้น
คิดว่าหากมีการพัฒนาเชื่อว่าสวยไม่แพ้ภูกระดึง ซึ่งมีแนวความคิดว่าจะใช้พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ จัดให้เป็นสวนรุกขชาติเหมือนอ่างขาง เนื่องจากว่ามีอากาศเย็นตลอดทั้งปีและมีทัศนียภาพที่สวยงาม หากทำได้สำเร็จชาวบ้านจะได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากกิจกรรมทางการท่องเที่ยว หากพูดอย่างเดียวก็คงจะไม่เกิด ทุกคนต้องช่วยกันทำให้เกิดความยั่งยืนเสียก่อน
อย่างโครงการที่บ้านป่าเหมี้ยงถึงแม้ว่ายังจะไม่ดังมากแต่ก็มีคนเริ่มรู้จักมากขึ้นแล้ว สมบัติมีอยู่แล้วแต่อยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
คนไทยเชื้อสายจีนและประชาชนชาวลำปาง ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือจีน
ที่มา : จังหวัดลำปาง
http://www.lampang.go.th/publish51/news/4june2.htm
นาย ประเสริฐ์ รัตนไพศาลศรี ประธานมูลนิธิลำปางสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในฐานะที่มูลนิธิลำปางสงเคราะห์และผู้นำองค์กรจีนในจังหวัดลำปาง มีความเป็นห่วงประเทศจีนที่ได้รับเคราะห์กรรม จากภัยพิบัติในครั้งนี้ ประกอบกับประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาช้านาน สมควรที่คนไทยเชื้อสายจีน และประชาชนชาวลำปางจะให้ความช่วยเหลือ
ซึ่งมูลนิธิลำปางสงเคราะห์เปิดโอกาสให้พี่น้องชาวจีนและประชาชนชาวลำปางร่วมบริจาคได้ที่ มูลนิธิลำปางสงเคราะห์ ศาลเจ้าแม่ทับทิมลำปาง และที่โรงเรียนประชาวิทย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2551
โดยในวันที่ 6 มิถุนายน 2551 มูลนิธิลำปางสงเคราะห์ลำปางจะได้นำเงินที่ได้รับบริจาคไปมอบให้กงสุลจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) ลำปาง
(054) 224561, 224556
จันทร์สวย บุญนำมา / ข่าว
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปางประกวดออกแบบเซรามิก
ที่มา : จังหวัดลำปาง
http://www.lampang.go.th/publish51/news/4june3.htm
จังหวัดลำปาง ร่วมกับ สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง โครงการพัฒนาส่งเสริมเซรามิกบ้านศาลาเม็ง และศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก จัดประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิกประจำปี 2551
นางสาวสุปราณี ศิริอาภานนท์ นายกสมาเครื่องปั้นดินเผาลำปาง เปิดเผยว่า เนื่องจากการแข่งขันทางการค้าในปัจจุบันมีความรุนแรงการที่จะขึ้นไปยืนในแนวหน้าจำเป็นต้องมีความได้เปรียบด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยที่สุดและทำให้สินค้ามีมูลค่าสูงที่สุดและประกอบกับความตื่นตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งในการใช้วัตถุดิบ การใช้เชื้อเพลิง และการหมุนเวียนกลับมาใช้ให้ ซึ่งจังหวัดลำปางมีการผลิตสินค้าเซรามิกมากเป็นผลให้มีขยะเซรามิกจำนวนมาก จึงควรหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับวัสดุเหลือใช้ที่มีอยู่จำนวนมาก
สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ OTOP ได้รับงบประมาณภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขจังหวัดลำปาง จึงได้จัดโครงการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิกปี 2551 ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักส่งเสริมให้นักศึกษา นักออกแบบ และบุคคลทั่วไปเกิดการตื่นตัวในการใช้ความคิดสร้างสรรค์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โครงการประกวดมีการแข่งขันการประกวดแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทเครื่องประดับ ประเภทเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ประเภทชุดสนาม ทำจากวัสดุเซรามิก Recycle โดยมีรางวัลประเภทละ 13 รางวัล รวมทั้งหมด 39 รางวัล โดยทั้งสามประเภทมีเงินรางวัลดังนี้
รางวัลที่ 1 เงินสด 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
รางวัลที่ 2 เงินสด 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
รางวัลที่ 3 เงินสด 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
และ รางวัลชมเชยอีก 10 รางวัลรางวัลละ 5,000 บาท
ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2551
ณ ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเซรามิก
เลขที่ 424 หมู่ 2 ต . ศาลา อ . เกาะคา จ . ลำปาง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง
นงค์เยาว์/ข่าว
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51
เตือนใช้น้ำมันทอดซ้ำอันตรายต่อผู้บริโภค
ที่มา : จังหวัดลำปาง
http://www.lampang.go.th/publish51/news/4june1.htm
นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงผู้ประกอบการยังใช้น้ำมันทอดซ้ำอยู่ ซึ่งปัญหานี้มีแนวโน้ม จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เหตุเพราะน้ำมันพืชราคาแพง สาธารณสุขจังหวัดจึงเฝ้าระวังการใช้น้ำมันทอดซ้ำกับผู้ประกอบการอาหารประเภททอดอย่างเข้มงวด มีการรณรงค์ไม่ให้ใช้น้ำมันทอดซ้ำมาโดยตลอดมาตั้งแต่ปี 2548 โดยหน่วยตรวจสอบเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยผู้บริโภค (Mobile Unit) จังหวัดลำปาง
โดยเก็บตัวอย่างน้ำมันทอด จากสถานที่จำหน่ายอาหารทั่วจังหวัด มาตรวจหาปริมาณสารโพลาร์ด้วยเครื่องมือวัดแบบรวดเร็วผลการตรวจเฝ้าระวัง ระหว่าง
1 ตุลาคม 2550 – 30 เมษายน 2551 พบตัวอย่างน้ำมันที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตราฐานร้อยละ 5.17 หรือพบ 25 ตัวอย่างใน 484 ตัวอย่างที่ตรวจ ซึ่งอาหารที่เข้าข่ายใช้น้ำมันทอดซ้ำมากที่สุด ( มีค่าโพลาร์ มากกว่าร้อยละ 25 ซึ่งเกินมาตรฐานกำหนด ) ได้แก่ ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด เกี๊ยวทอด แคบหมู ขนมไข่นกกระทา เป็นต้น
ทั้งนี้ ขอเตือนผู้ขายอาหารทอดทุกชนิด อย่านำน้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลายๆครั้งมาใช้เด็ดขาด เพราะเสี่ยงเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคถึงขั้นเป็นมะเร็ง และหากพบผู้ใดทอดน้ำมันมาขายให้กับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ถือว่ามีความผิดฐานจำหน่ายอาหารผิดมาตราฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท
สำหรับผู้บริโภค ขออย่าได้ซื้อน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้วมาทอดต่อ โดยตรวจซื้อน้ำมันในภาชนะบรรจุปิดสนิทที่มีฉลากชัดเจนมีเครื่องหมาย อย . ที่สำคัญควรสังเกตลักษณะของน้ำมัน ถ้าเป็นน้ำมันปาล์มต้องมีสีเข้มบ้าง เนื่องจากมีสารเบต้าแคโรทีน และต้องไม่มีสิ่งแปลกปลอม เช่น ผงสีดำ หรือตะกอนขุ่นขาว เพราะนั่นหมายถึงการผลิตที่ไม่ได้มาตราฐาน ควรเปลี่ยนน้ำมันเมื่อทอดอาหารซ้ำ อย่าเห็นแค่ความสะดวกและประหยัด
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) ลำปาง
(054) 224561, 224556
จันทร์สวย บุญนำมา / ข่าว
............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อาทิตย์ 8
มิถุนา 51