บทบรรณาธิการ
เรื่องใหญ่ และเรื่องสำคัญของสังคมไทย ที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่กันเท่าใดนัก ก็คือระบบฐานข้อมูล การจัดทำระบบหอจดหมายเหตุ โดยเฉพาะลำปางเอง ข้อที่น่าตกใจคือว่า ลำปางเคยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2492 คือ ไทยลานนา และ เอกราช ในปีพ.ศ.2500
แต่ลำปาง ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จะเก็บสิ่งตีพิมพ์ดังกล่าว (ยังไม่ต้องนับถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และข้อมูลอีกจำนวนมหาศาลที่ขาดการจัดเก็บเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังค้นคว้า ศึกษา) เราจึงไม่สามารถหาต้นฉบับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เพื่อค้น "ประวัติศาสตร์" และ "เรื่องราวลำปาง" แม้ในระยะสั้นๆ เพียง 50 -60 ปี
เชื่อว่าอีกไม่นานเรื่อง "น้ำท่วมใหญ่ลำปาง 2548" ที่สร้างความพินาศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ก็คงจะเป็นเพียงเรื่องเล่าจากความทรงจำจางๆ เช่นเดียวกับที่เหตุภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดกับลำปางแต่มิได้รับการบันทึก ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ตลาด น้ำท่วม คนประสบภาวะหิวโหย...ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่สามารถสืบค้นทางประวัติเอกสารได้แน่ชัด...และถูกหลงลืมไปในที่สุด
หากไม่มองโลกในแง่ร้ายนัก ในโลกคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต อันเป็นโอกาสอันกว้างขวางที่สามารถย่นเวลา และระยะทางการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมหาศาล วันนี้ขณะที่ seacrh หาข้อมูลข่าวทำให้ได้พบกับเว็บไซต์หนึ่งนามว่า http://www.lampang2u.com/ เว็บนี้มีความพยายามอย่างยิ่งในการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลร้านค้าลำปาง และข่าวท้องถิ่นลำปางได้อย่างน่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอ ยังคับแคบเกินไป เมื่อเทียบกับความกว้างขวางในโลกไซเบอร์ พื้นที่ตรงนี้ จึงอาสาที่จะออกมาเพื่อรองรับกับ ข้อมูล ข่าวสาร และสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำปาง ในปัจจุบันสมัย เท่าที่จะมีกำลังจะทำได้ ขณะเดียวกันก็มองลู่ทางของเครือข่ายในมหาสมุทรแห่งข้อมูลของลำปางไปด้วย
ขณะที่ on Lampang : เปิดโลกลำปาง ก็ทำอีกหน้าที่หนึ่งในการรวบรวมฐานข้อมูล และข่าวสารทางศิลปวัฒนธรรมอันเป็นรากฐานสำคัญหนึ่งของลำปาง ซึ่งคนละบทบาทกับที่แห่งนี้ จึงถือว่า บทนำนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่ง ที่ออกก้าวเพื่อวันข้างหน้า ดังที่ เอนก นาวิกมูล นักเขียนสารคดีชื่อดัง เคยบอกไว้ว่า "เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า"
ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ on Lampang POST
ศุกร์ 2
พฤษภา 51
วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
งานถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลอง วันวิสาขฯ ที่ลำปาง!!!
คัทเอาท์ติดตั้งบริเวณสี่แยกภาคเหนือ ประชาสัมพันธ์งาน
ถ่ายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551
เชิญร่วมงาน
วิสาขอัฐมีรำลึกถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลอง
ปฏิบัติธรรมเป็นพุทธบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2551
ระหว่างวันที่ 19 ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2551
ณ วัดพุทธสันติวิเวก (นิคมเขต 16)
ตำบลบุญนาคพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
..............................
อีกหน้าหนึ่งที่เราอยากบันทึกไว้ครับ
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
พฤหัส 15
พฤษภา 51
ชมเงาพระธาตุ สิ่งมหัศจรรย์คู่เมืองรถม้า
เงาพระธาตุหัวกลับอันเลืองชื่อที่วัดพระธาตุลำปางหลวง
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000053296
ชมเงาพระธาตุ สิ่งมหัศจรรย์คู่เมืองรถม้า
โดย ผู้จัดการออนไลน์
7 พฤษภาคม 2551 15:56 น.
จังหวัดลำปาง ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรถม้าและชามตราไก่ เพราะเป็นจังหวัดเดียวในไทยที่มีรถม้าวิ่งอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ลำปางยังขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของชาม(เซรามิก)ตราไก่ ซึ่งเราสามารถพบเห็นสัญลักษณ์เซรามิกรูปไก่ตามป้ายชื่อถนน บนสะพาน หรือตามตึกต่างๆ ได้ทั่วไปในเมือง
นอกจากรถม้าและชามตราไก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของลำปางแล้ว เมืองนี้ยังน่าฉงนตรงที่เป็นเมืองที่มีเงาพระธาตุให้ชมกันอยู่หลายวัดทีเดียว
เงาพระธาตุ หากมองกันตามหลักวิทยาศาสตร์ถือเป็นปรากฏการณ์หักเหของแสงในหลักการเดียวกลับกล้องรูเข็ม แต่ที่ลำปางนี่แปลกตรงที่มีเงาพระธาตุปรากฏให้ชมกันหลากหลายรูปแบบทั้งเงาพระธาตุหัวกลับ หัวตั้ง เงาพระธาตุซ้อนชั้น ซึ่งเงาพระธาตุที่เด่นๆในเมืองรถม้ามีที่ไหนบ้าง "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอเชิญขึ้นเหนือไปทัศนากันได้
เงาพระธาตุอันซีน วัดพระธาตุลำปางหลวง
วัดพระธาตุลำปางหลวง(ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา) ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวลำปาง ทุกครั้งที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้มาเยือนนครรถม้าแห่งนี้ก็จะต้องแวะไปสักการบูชาพระธาตุและพระพุทธรูปอื่นๆในวัดทุกคราไป และก็ต้องอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปส่องดูเงาพระธาตุที่ลอดผ่านรูผนังมาปรากฏบนผืนผ้าภายใน "วิหารพระพุทธ" ที่ปรากฏเป็นเงาพระธาตุหัวตั้งให้ชมกันด้วยสีสันเหมือนจริง
ไม่เพียงที่วิหารพระพุทธแล้ว "มณฑปพระพุทธบาท" ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งในวัดพระธาตุลำปางหลวงที่ปรากฏภาพเงาพระธาตุหรือพระธาตุหัวกลับที่โด่งดังเลื่องชื่อจนได้กลับการยกย่องจากททท.ให้เป็นใน Unseen Thailand เลยทีเดียว
เงาพระธาตุที่นี่ดูแล้วคมชัดสวยงามกว่าที่วิหารหลวง อาจจะเนื่องมาจากปริมาณคนที่เข้ามาดูมีน้อยกว่า เพราะที่มณฑปพระพุทธบาท เขาห้ามมิให้ผู้หญิงเข้า คนที่สามารถเข้าไปดูได้จึงมีแต่ผู้ชายเท่านั้น
สำหรับ "องค์พระธาตุ" ที่ทำให้เกิดเงานั้น เป็น องค์พระธาตุเจดีย์แบบล้านนาผสมเจดีย์ทรงลังกา ก่ออิฐถือปูน ประกอบด้วยฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมด้วยบัวมาลัยสามชั้น เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่หุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ฉลุลายหรือที่เรียกว่าทองจังโก ตามตำนานกล่าวว่าเป็นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
นอกจากเงาพระธาตุแล้ว ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงยังมีสิ่งน่าสนใจชวนชมอีกหลายจุด อาทิ "พระแก้ว"จากวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามที่ประดิษฐานอยู่ในหอพระแก้ว หรือหากมีเวลามากหน่อยก็สามารถเดินเข้าออกตามวิหารต่างๆ เช่น "วิหารน้ำแต้ม" เป็นวิหารโถงมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่ของล้านนา "วิหารหลวง"เป็นที่ประดิษฐานมณฑปพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด
อีกทั้งมีวิหารต้นแก้ว วิหารละโว้ หอพระไตรปิฎก กุฏิประดิษฐาน อาคารพิพิธภัณฑ์และกุฏิสงฆ์ ให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วย
เงาพระธาตุที่วัดพระธาตุจอมปิง
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000053296
วัดพระธาตุจอมปิง(บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา)เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการปรากฏเงาพระธาตุ โดยทางทิศตะวันตกของพระธาตุเจดีย์สีเหลืองทองมี "พระอุโบสถ" อันเก่าแก่แบบสถาปัตยกรรมล้านนาที่ภายในเกิดปรากฏการณ์ "เงาพระธาตุ" ที่หน้าต่างพระอุโบสถ มีรูเล็กๆที่แสงสามารถลอดผ่านเข้ามาทำให้เกิดเงาพระธาตุ พาดลงบนพื้นตลอดเวลาที่มีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามาได้ ต่อมาทางวัดจึงได้นำเอากรอบผ้าขาวมาเป็นฉากรับภาพเพื่อให้สามารถมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" และผองเพื่อนเข้ามาภายในพระอุโบสถ คุณลุงที่เฝ้าพระอุโบสถก็ปิดประตูเพื่อภายในห้องมืดลง จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์ เงาพระธาตุที่วัดจอมปิงมีสีสันเหมือนจริงปรากฏให้พวกเราเห็นกันถ้วนหน้า เช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุลำปางหลวงเลยทีเดียว
เมื่อพวกเราชมเงาพระธาตุกันเสร็จแล้วก็ออกมาเดินดูภายในบริเวณวัดและไม่ลืมที่จะแวะไปยัง "พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุจอมปิง" ที่ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆมากมายที่ขุดเจอในบริเวณวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกรมศิลปากรได้ตรวจสอบพบว่าโบราณวัตถุที่พบคล้ายกับแห่งโบราณคดีที่จังหวัดตาก กำแพงเพชร ลำพูน และนครสวรรค์ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันของแหล่งโบราณคดีเหล่านี้
โบราณวัตถุที่จัดแสดง อาทิ เศษภาชนะดินเผา ตะขอสำริด กำไลหิน กำไลสำริด ใบหอก ลูกปัด ต่างหู เป็นต้น นอกจากนี้จัดมีของสะสมของวัด ได้แก่ พระพุทธรูป กล้องสูบยาดินเผา ที่ใส่ดินปืนทำจากเขาสัตว์ ผ้ายันต์ ตะกรุด เชี่ยนหมาก โดยจัดวางเรียงเป็นกลุ่มพร้อมป้ายคำบรรยายวัตถุภาษาไทยในบางรายการด้วย
วัดพระธาตุดอยน้อยมีเงาพระธาตุปรากฏให้ชมถึง 5 เงาด้วยกัน
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000053296
อัศจรรย์เงาพระธาตุ 5 เงาที่วัดพระธาตุดอยน้อย
หลายคนอาจจะเกิดอาการงง ไม่คุ้นหู เมื่อ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"เอ่ยถึงวัดพระธาตุดอยน้อย(ต.ท่าผา อ.เกาะคา) เพราะวัดนี้ฟังไม่ค่อยคุ้นหูนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่เชื่อมั้ยว่า ที่วัดแห่งนี้มีเงาพระธาตุให้ชมถึง 5 เงาเลยทีเดียว
โดยเงาพระธาตุทั้ง 5 นั้น จะปรากฏภายใน "วิหารหลังเปียง" ที่หากเดินตรงเข้าไปจากประตูทางเข้า ทางฝั่งขวาของวิหารได้ปรากฏเงาพระธาตุขึ้นในกรอบเดียวกันถึง 5 เงา โดยมีลักษณะเป็นเงาของพระธาตุหัวตั้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ 4 เงา และเงาที่ด้านข้างเล็กๆ(ส่วนบน)อีก 1 เงา ส่วนทางฝั่งซ้ายก็ยังมีเงาพระธาตุหัวตั้งปรากฏขึ้นอีก 1 เงาที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งองค์พระธาตุองค์จริงที่ปรากฏในเงานั้นตั้งอยู่ทางด้านหลังของวิหาร มีลักษณะเป็นองค์พระธาตุสีดำมีส่วนยอดเป็นสีทองเหลืองอร่าม มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับองค์พระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวง ภายในบรรจุอัฐิพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ชมเงาพระธาตุอย่างจุใจแล้ว ก็เดินตรงเข้าไปยังวิหารอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังคือ "วิหารรอยพระพุทธบาท" ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่ชาวบ้านพบที่ตรงเนินใกล้ทางรถไฟใกล้ๆวัด หากเดินลงบันไดหน้าวิหารหลังเปียงไปยังด้านล่างจะเจอกับ "อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย"ที่สร้างเพื่อระลึกถึงคุณของครูบาศรีวิชัยที่ได้สร้างวัดและช่วยเหลือมาโดยตลอด ใกล้ๆกันมี "อุโบสถ" หลังเล็กๆ ภายในมีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย พระพุทธรูปบางองค์ต้องสร้างกรงครอบไว้เพื่อกันขโมย เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปทองสำริดซึ่งด้านในเป็นทองคำ
เงาพระธาตุวัดอักโขชัยคีรี
เมื่อขึ้นไปด้านบนจะเจอกับ "พระธาตุเจดีย์" ลักษณะเป็นศิลปะล้านนาปนเชียงแสนซึ่งแต่เดิมน่าจะเป็นศิลปะหริภุญชัย และได้บูรณะกันมาหลายครั้ง ใกล้กันนั้นมี "พระวิหารพระยืน" ซึ่งเป็นที่ปรากฏเงาพระธาตุ เช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุจอมปิง ซึ่ง "เงาพระธาตุ" หรือ "เงาพระเจดีย์" นี้จะปรากฏให้เห็นชัดอยู่ในทิศทางด้านตะวันออกเสมอ ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะเคลื่อนย้ายไปตามเวลาใดก็ตาม เงาของพระธาตุก็ยังคงปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่มีการเคลื่อนย้ายตามพระอาทิตย์แต่อย่างใด ชาวบ้านอำเภอแจ้ห่มและอำเภอใกล้เคียงจึงถือกันว่าเป็น "เงาพระธาตุศักดิ์สิทธิ์"
วิหารพระยืนแห่งนี้เป็นวิหารทรงสูงภายในประดิษฐาน "พระศากยมุณีคีรีอักโข" เป็นพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่เก่าแก่และเป็นที่เคารพนับถือของชาวแจ้ห่มเป็นอย่างมาก นอกจากพระพุทธรูปยืนแล้ว ยังมีพระพุทธรูปนอนปางไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ใน "วิหารพระนอน" บริเวณหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ และวัดอักโขชัยคีรีแห่งนี้ยังมีพระพุทธรูปในอิริยาบถนั่ง ซึ่งถือว่ามีครบทั้ง 3 พระอิริยาบถทั้งยืน นอนอ นั่ง เลยเชียวหละ
และ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอแนะนำว่า หากมาเยือนวัดแห่งนี้ก็อย่าลืมมายังจุดชมวิว เพราะสามารถมองเห็นวิวมุมสูงของอำเภอแจ้ห่มได้อย่างกว้างไกลสวยงามเลยทีเดียว หากใครมีโอกาสแวะเวียนไปยังเมืองรถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล แห่งนี้ ก็อย่าพลาดที่จะไปยลความอัศจรรย์ของปรากฏการณ์เงาพระธาตุตามวัดต่างๆอย่างเช่นที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ไปยลมา รับรองว่าเงาพระธาตุที่นี่ดูอัศจรรย์ใจไม่น้อยเลย
เงาพระธาตุที่วัดประตูป่อง อ.เมือง
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000053296
หากใครมีโอกาสแวะเวียนไปยังเมืองรถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล แห่งนี้ ก็อย่าพลาดที่จะไปยลความอัศจรรย์ของปรากฏการณ์เงาพระธาตุตามวัดต่างๆอย่างเช่นที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ไปยลมา รับรองว่าเงาพระธาตุที่นี่ดูอัศจรรย์ใจไม่น้อยเลย
นอกจากเงาพระธาตุจากวัดทั้ง 4 แล้ว ที่ลำปางยังมีผู้คนพบว่ามีเงาพระธาตุปรากฏให้เห็นอีกตามวัดบางวัด อาทิ วัดผาแดงหลวง อ.แจ้ห่ม วัดประตูป่อง อ.เมือง โดยผู้สนใจเที่ยวชมเงาพระธาตุ และเที่ยวชมสิ่งน่าสนใจในจังหวัดลำปาง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์การท่องเที่ยวฯ จังหวัดลำปาง โทร.0-5422-6919 , 0-5431-2254
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000053296
พฤหัส 15
ผู้ว่าปาขี่รถถีบโตยฮอยอลัมภางค์เขลางค์นคร ลดโลกร้อน
14 พฤษภาคม 2551 / 09:50:26
นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ทั่วโลกตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนและปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้เครื่องยนต์และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย จนเกิดเป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องเร่ง ป้องกันและแก้ไข
ดังนั้น เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายร่วมกันลดภาวะโลกร้อนพร้อมชมทัศนียภาพเส้นทางการปั่นจักรยาน ตั้งแต่บริเวณสะพานรัษฎาไปจนถึงสะพานดำจึงได้จัดโครงการ “ผู้ว่าฯปาขี่รถถีบโตยฮอยอลัมภางค์เขลางค์นคร” ขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป
โดยการการปั่นรถจักรยานครั้งนี้จะมีในส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวลำปางร่วมปั่นรถจักรยาน ในวัน เวลา ดังกล่าวเริ่มต้นที่สะพานรัษฎาไปสิ้นสุดที่ สะพานดำ
สำหรับกำหนดการจัดงานดังกล่าว จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางปั่นจักรยานอีกครั้งในวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาลำปาง ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป.
ข่าวโดย : นงค์เยาว์ ปัจจามิตร์
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
ที่มา : เว็บไซต์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080514095026
......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
พฤหัส 15
พฤษภา 51
ผู้ว่าฯ ลำปาง-กาชาด-สื่อมวลชน มอบของช่วยเหลือพม่ากว่า 2 ล้านบาท
ภาพประกอบจาก http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080512102455
ผู้ว่าฯ ลำปางพร้อมคณะเหล่ากาชาดจังหวัดลำปางและสื่อมวลชน มอบของพร้อมเงินสดมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
12 พฤษภาคม 2551 / 10:24:55
ผู้ว่าฯ ลำปางพร้อมคณะเหล่ากาชาดจังหวัดลำปางและสื่อมวลชน มอบของพร้อมเงินสดมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวพม่า ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางพร้อม เหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง หัวหน้าส่วนราชการและสื่อมวลชนจังหวัดลำปาง เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า
โดยการเดินทางครั้งนี้นำสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากชาวจังหวัดลำปาง เป็นเงินสดกว่า 2 ล้านบาท และเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิผ้าห่ม เสื่อผ้า อาหารแห้ง น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ โดยมีรถยนต์กระบะบรรทุกสิ่งของกว่า 20 คัน พร้อมทั้งนำเข้าไป ซึ่งคณะฯได้มีกำหนดเดินทางเข้าไปมอบสิ่งของที่วัดมะกล่ำหัวคำ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยมีพลโทหม่อง หม่องโซ เป็นตัวแทนรับมอบสิ่งของที่วัดพระเจ้าระแข่ง อ.ท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก
ทั้งนี้ จังหวัดลำปาง ได้ตั้งศูนย์รับบริจาคทรัพย์สินสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซโคลนนาร์กีสประเทศพม่า ที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง โดยได้รับมอบสิ่งของต่าง ๆจาก 13 อำเภอ องค์กรจีนในจังหวัดลำปาง รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนและประชาชน นำสิ่งของและเงินสดมามอบให้กับจังหวัดเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางพร้อมคณะฯ จึงได้รวบรวมสิ่งของทั้งหมดมอบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กีสที่ประเทศพม่าในครั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น.
ข่าวโดย :
นงค์เยาว์ ข่าว/ธงชัย ภาพ
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง
ที่มา : เว็บไซต์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080512102455
......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
พฤหัส 15
พฤษภา 51
ข่าวเล็กๆในหน้าประวัติศาสตร์ : ต้นไทรล้มทับกำแพงวัดน้ำล้อม
สภาพกำแพงวัดน้ำล้อม อ.เมือง ลำปางที่ถูกต้นไทรล้มทับ
ถ่ายเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551
ข่าวเล็กๆในหน้าประวัติศาสตร์ 001 :
ต้นไทรล้มทับกำแพงวัดน้ำล้อม อ.เมือง ลำปาง
เวลาประมาณ 8 นาฬิกาเศษ วันพุธที่ 14 พฤษภาคม 51 ปรากฏว่า ต้นไทรริมกำแพงวัดน้ำล้อม เกิดหักโค่นลงมาทับกำแพงด้านหน้าวัด ฝั่งถนนทิพย์วรรณ สันนิษฐานว่าเนื่องจากฝนตกหนักชะล้างดินบริเวณรากต้นไทร ทำให้ไม่มีที่เกาะยึดต้นไทรจึงล้มทับกำแพงเสียหายดังกล่าว
......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
พฤหัส 15
พฤษภา 51
ลำปางตั้งเป้าปี 55 พื้นที่ปลูกยางพารามีไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นไร่
โดย ผู้จัดการออนไลน์
14 พฤษภาคม 2551 14:48 น.
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000056257
ลำปาง - ผช.ศูนย์สงเคราะห์สวนยางลำปาง ชี้อนาคตการปลูกยางพาราในภาคเหนือยังสดใส ตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกยางพาราในลำปางปี 55 จำนวน 30,000 ไร่
นายวันชัย เชาวลิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการสงเคราะห์สวนยาง จังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรในจังหวัดลำปาง ให้ความสนใจปลูกยางพารามากขึ้น จากเดิมตั้งแต่ปี 2547-2550 ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดลำปาง ได้มีการปลูกยางพาราไปแล้ว รวม 15,000 ไร่ โดยทั้งหมดขณะนี้สามารถกรีดน้ำยางได้แล้วรวม 40 ไร่ รวม 3 อำเภอ คือ อ.งาว อ.ห้างฉัตร อ.แม่ทะ แต่ละไร่สามารถกรีดน้ำยางได้ 250 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี จำหน่ายให้กับโรงงานที่รับซื้อในจังหวัดพะเยาและจังหวัดเชียงรายในราคากิโลกรัมละ 87 บาท
นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาจำหน่ายยางพาราแผ่นดิบ ขณะนี้และในอนาคต ยังอยู่ในราคาที่สูง เนื่องจากราคายางขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ ค่าเงิน และราคาน้ำมัน ส่วนการจำหน่ายเกษตรกรสามารถเลือกได้ว่าจะจำหน่ายโดยตรงที่โรงงานรับซื้อที่จังหวัดระยอง หรือจะขายให้กับโรงงานที่ใกล้บ้านที่จังหวัดพะเยาหรือเชียงราย ซึ่งราคาจะต่างกันประมาณ 5-7 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มราคา นอกจากขายน้ำยางได้แล้ว เกษตรกรยังสามารถมีรายได้อื่นเสริมด้วยคือ รายได้จากการปลูกพืชผักสวนครัว แซมระหว่างแปลงที่ปลูกยางพาราได้ด้วย
ทั้งนี้ หากในอนาคตมีการปลูกยางพาราเพิ่มมากขึ้นจะมีผลต่อราคาหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า คงไม่มีเพราะปัจจัยราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนมากหรือน้อย เพราะยางพาราสามารถจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ได้หลากหลาย
ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบหากเกษตรกรจะขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่แม้จะด้อยในเรื่องความชื้นบ้าง เมื่อเทียบกับทางภาคใต้ แต่ก็ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพน้ำยางสามารถสู้กับภาคใต้ได้อย่างสบาย
ในส่วนของจังหวัดลำปางได้ตั้งเป้าไว้ในปี 2555 จะขยายพื้นที่ให้ได้ 30,000 ไร่ หากเกษตรกรท่านใดสนใจจะปลูกยางพาราสามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดต่างๆได้ที่ ศูนย์ปฎิบัติการสงเคราะห์สวนยางลำปาง ได้ทุกวันเวลาราชการ ทั้งนี้ทางศูนย์ฯจะส่งเจ้าหน้าที่ออกให้ความรู้ คอยแนะนำ เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
.............................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
พฤหัส 15
พฤษภา 51
วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ภาพเก่า...เนื่องมาจาก "คึ16"
"หน้าบ้านคึ 16" [29 เมษายน 2545?]
ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=m603web&topic=1049
"โรงหนัง ธนาซีเนเพลกซ์ กลายเป็น ของเรา 55555" [18 พฤษภาคม 2545?]
ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=m603web&topic=1049
เตรียมบูม คร๊าบพี่น้อง (ใต้โรงหนัง) ยังจำกันได้ไหม ลำปาง 45 ว่าใผ เป็นใผ [18 พฤษภาคม 2545]
ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=m603web&topic=1049
ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=m603web&topic=1049
ภาพเก่า...เนื่องมาจาก "คึ16"
: บันทึกหน้าที่ 16 บันทึกความยิ่งใหญ่ ด้วยแรงใจเป็นหนึ่งเดียว
ผมไปค้นข้อมูลแล้วเผอิญเจอรูปของ บ้านคึ 16 มา
ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ขอความอนุเคราะห์ด้วย หรือ "คึ" อื่นๆถ้าอยากมาร่วมแจม
ขออนุญาตเจ้าของรูป ณ ตรงนี้เลยละกันครับ
ผู้สื่อข่าว
พุธ 14
พฤษภา 51
วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เรื่อง ฝนตกหนัก
ภาพถ่ายดาวเทียม วันที่ 13 พฤษภาคม 2551
ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนพาดผ่านตอนกลางของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในช่วงวันที่ 10-14 พ.ค. 51
จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะในบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ ตาก เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย และสามารถติดตามสภาพอากาศ ,พื้นที่ฝนตกจากเรดาร์ตรวจอากาศ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประกาศ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2551 ออกประกาศเวลา 17.30 น.
กลุ่มพยากรณ์อากาศ โทรศัพท์ 053-277919 053-922365 และ
053-281271 โทรสาร 053-277815 และ 053-203802
ที่มา : ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ http://www.cmmet.tmd.go.th/
ปรากฏการณ์ลานีญา พฤษภา ถึง กรกฎานี้
ฉบับที่ 4/2551 ออกประกาศวันที่ 11 เมษายน 2551 สรุปว่า
จากการเก็บข้อมูลอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่ผิดปกติในมหาสมุทรแปซิฟิกช่วง 9 มีนาคม - 5 เมษายน 51 จะทำให้ปรากฏการณ์ลานีญา ปรากฏในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม สภาวะเช่นนี้ จะส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติในช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะในช่วงต้นฤดู
ดูเพิ่มเติม กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th/
............................................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST
อังคาร 13
พฤษภา 51
พ่อค้ากดราคาข้าวเหนียวที่ลำปาง
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000055771
นายอุดม ไกรสุข แกนนำเกษตรกรร่วมกับเกษตรกร จาก บ้านม.8 ม.3 และม.10 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง กว่า 100 คน ได้เดินทางขอเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดติดภารกิจที่กรุงเทพฯ จึงมีหัวหน้าส่วนที่รับผิดชอบ และเกี่ยวข้องโดยตรง 3 ส่วน คือ พาณิชย์จังหวัดลำปาง การค้าภายในจังหวัดลำปาง และ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง เป็นผู้เข้าร่วมเจรจาและรับฟังปัญหาของเกษตรกร แทน
โดยกลุ่มเกษตรกรได้ยื่นข้อเสนอให้กับหน่วยงานราชการเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน ซึ่งปัญหาที่เกษตรกรประสบในขณะนี้ คือ พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อในราคาถูก โดยในปีนี้รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 6 บาท จากเดิมปีที่ผ่านมารับซื้อในราคา 7.60 บาท ขณะที่ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมีจำนวนลดน้อยลง ต้นทุนเรื่องราคาปุ๋ยสูงขึ้น และเกษตรกรไม่มีเครื่องอบข้าว เมื่อฝนตกข้าวมีความชื้นสูงเมื่อเก็บไว้ทำให้ข้าวเกิดการเน่าเสีย จึงต้องการให้หน่วยงานราชการเร่งเข้ามาช่วยเหลือ
การเจรจาเบื้องต้น ทางราชการรับปากจะประสานงานกับโรงสีขนาดใหญ่เข้ามารับซื้อโดยตรง โดยรับซื้อข้าวดิบในราคากิโลกรัมละ 7 บาท ข้าวแห้งราคากิโลกรัมละ 9 บาท ส่วนการอบข้าวนั้นค่าขนส่งต้องเป็นหน้าที่ของเกษตรกร แต่ราคาค่าอบข้าวจะเจรจาต่อรองหรือจะขอให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ลงไปดูแลให้ โดยทางภาครัฐขอเวลา 1 สัปดาห์ในการเจรจาและติดต่อผู้ซื้อมารับข้าวโดยตรงจากเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรก็พอใจในข้อเสนอและได้แยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.
สำหรับพื้นที่เขตตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง ที่ประสบปัญหาในขณะนี้ เกษตรกรจะปลูกข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกกว่าพันไร่ เมื่อปี 2550 ราคาขยับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10-20% ทำให้ในปีนี้ราคาผลผลิตตกต่ำลง ประกอบกับฝนตกข้าวได้รับความเสียหาย ส่วนราคาค่าใช้จ่ายก็เพิ่มสูงขึ้นทั้งค่าไถ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าเกี่ยวข้าวและค่าแรง เฉลี่ยไร่ละ 4,000 บาท ขณะที่รายได้เมื่อขายแล้วได้ราคา 3,000 บาทต่อไร่ ขาดทุนไร่ละ 1,400 บาท