ป้ายบอกทางตกแต่งลายรถม้า อ.เมือง จ.ลำปาง ที่มา : โปสการ์ด จาก "ร้านม้าหมุน" http://marsmoon.hi5.com

บทบรรณาธิการ


>>>on Lampang POST <<< ยินดีต้อนรับทุกท่าน สู่มหาสมุทรแห่งข้อมูลข่าวสารลำปางนับแต่นี้ไป


เรื่องใหญ่ และเรื่องสำคัญของสังคมไทย ที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่กันเท่าใดนัก ก็คือระบบฐานข้อมูล การจัดทำระบบหอจดหมายเหตุ โดยเฉพาะลำปางเอง ข้อที่น่าตกใจคือว่า ลำปางเคยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2492 คือ ไทยลานนา และ เอกราช ในปีพ.ศ.2500

แต่ลำปาง ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จะเก็บสิ่งตีพิมพ์ดังกล่าว (ยังไม่ต้องนับถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และข้อมูลอีกจำนวนมหาศาลที่ขาดการจัดเก็บเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังค้นคว้า ศึกษา) เราจึงไม่สามารถหาต้นฉบับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เพื่อค้น "ประวัติศาสตร์" และ "เรื่องราวลำปาง" แม้ในระยะสั้นๆ เพียง 50 -60 ปี

เชื่อว่าอีกไม่นานเรื่อง "น้ำท่วมใหญ่ลำปาง 2548" ที่สร้างความพินาศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ก็คงจะเป็นเพียงเรื่องเล่าจากความทรงจำจางๆ เช่นเดียวกับที่เหตุภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดกับลำปางแต่มิได้รับการบันทึก ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ตลาด น้ำท่วม คนประสบภาวะหิวโหย...ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่สามารถสืบค้นทางประวัติเอกสารได้แน่ชัด...และถูกหลงลืมไปในที่สุด

หากไม่มองโลกในแง่ร้ายนัก ในโลกคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต อันเป็นโอกาสอันกว้างขวางที่สามารถย่นเวลา และระยะทางการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมหาศาล วันนี้ขณะที่ seacrh หาข้อมูลข่าวทำให้ได้พบกับเว็บไซต์หนึ่งนามว่า http://www.lampang2u.com/ เว็บนี้มีความพยายามอย่างยิ่งในการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลร้านค้าลำปาง และข่าวท้องถิ่นลำปางได้อย่างน่าชื่นชม

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอ ยังคับแคบเกินไป เมื่อเทียบกับความกว้างขวางในโลกไซเบอร์ พื้นที่ตรงนี้ จึงอาสาที่จะออกมาเพื่อรองรับกับ ข้อมูล ข่าวสาร และสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำปาง ในปัจจุบันสมัย เท่าที่จะมีกำลังจะทำได้ ขณะเดียวกันก็มองลู่ทางของเครือข่ายในมหาสมุทรแห่งข้อมูลของลำปางไปด้วย

ขณะที่ on Lampang : เปิดโลกลำปาง ก็ทำอีกหน้าที่หนึ่งในการรวบรวมฐานข้อมูล และข่าวสารทางศิลปวัฒนธรรมอันเป็นรากฐานสำคัญหนึ่งของลำปาง ซึ่งคนละบทบาทกับที่แห่งนี้ จึงถือว่า บทนำนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่ง ที่ออกก้าวเพื่อวันข้างหน้า ดังที่ เอนก นาวิกมูล นักเขียนสารคดีชื่อดัง เคยบอกไว้ว่า "เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า"

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ on Lampang POST
ศุกร์ 2
พฤษภา 51

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เถินขู่ปิดถนน ขออ่างเก็บน้ำแม่ปะ

แผนที่ตั้งอุทยานแห่งชาติแม่วะ อ.เถิน จ.ลำปาง
ที่มาภาพ :
http://www.thaitraveltalk.com/showthread.php?p=1522



แผนที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย จ.แพร่
ที่มาภาพ : http://www.tws.ac.th/poxy/files/manu_01.htm


ขู่ปิดถนนใหญ่ ขออ่างเก็บน้ำ
ที่มา : ลานนาโพสต์
http://www.lampangpost.com/news/678-6.htm

ชาวบ้าน ต.แม่ปะ อ.เถิน กว่า 1,000 คน บุกที่ว่าการอำเภอเถิน เรียกร้องสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะ ขู่ปิดถนนสายกรุงเทพฯ หากไม่ได้รับความคืบหน้า 10 มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2551 เวลาประมาณ 09.00 น. ชาวบ้าน 10 หมู่บ้าน ต.แม่ปะ อ.เถิน นำโดยนายสมบูรณ์ ติ๊บปะละวงศ์ แกนนำระดับตำบล ได้รวมตัวกันกว่า 1,000 คน เดินทางมาปิดถนนเถินบุรี หน้าที่ว่าการอำเภอเถิน จ.ลำปาง เพื่อเรียกร้องขอทราบผลความคืบหน้า เกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ แม่ปะ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.แม่ปะ อ.เถิน

เนื่องจากได้มีการอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลเมื่อปี 2549 จำนวน 23 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้มีการก่อสร้าง เพราะพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ซึ่งทางจังหวัดลำปางได้ทำหนังสือไปถึงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอเข้าไปใช้พื้นที่ แต่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ชาวบ้านตำบลแม่ปะจึงเกรงว่างบประมาณจำนวน 23 ล้านบาทจะตกไปในวันที่ 30 กันยายน 2551 จึงได้ร่วมตัวกันมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอผลความคืบหน้าการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าว โดยมีนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเถิน ได้พูดคุยทำการชี้แจงกับชาวบ้าน

นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากปี 2540 ทางราษฎรได้ถวายขอพระมหากรุณาธิคุณกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการจะสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ปะขึ้น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระมหากรุณาธิคุณรับมอบโครงการนี้อยู่ในโครงการพระราชดำริ พื้นที่ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำมีพื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ ซึ่งจะทำให้ลำห้วยต่างๆบนดอยไหลมารวมกัน ทำให้มีน้ำใช้ในฤดูแล้งและฤดูเพาะปลูกได้ ในขณะเดียวกันเป็นการชะลอการพังทลายของดินด้วย เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่อยู่คนละฝั่งกับ อ.วังชิ้นที่เคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินถล่มมาแล้ว ซึ่งโครงการได้รับการเรียกร้องตลอดมามีการออกแบบดำเนินการเสร็จสิ้น และรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณมาให้ในปี 2549 จำนวน 23 ล้านบาท

เมื่ออนุมัติแล้วทางกรมชลประทานก็ได้ทำการประกวดราคา ได้บริษัทรับจ้างที่จะเข้ามาทำและได้ทำสัญญาแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ทางผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้ขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่ โดยการจะอนุญาตได้ ไปติดกับมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ซึ่งจะทำให้พื้นที่เสียหาย ถึงแม้กรมอุทยานฯเห็นว่าถ้าทำแล้วจะเกิดผลดีต่อประชาชนก็ตาม

เพราะฉะนั้นจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการบริหารอุทยานแห่งชาติ เพื่อที่จะพิจารณาอนุมัติให้เพิกถอนพื้นที่นี้ออกจากอุทยานแห่งชาติ กรรมวิธีตรงนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องและกรมอุทยานฯได้ตอบหนังสือกลับมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550 ว่ากำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลเสนอต่อคณะกรรมการบริหารอุทยานแห่งชาติ แต่ประชาชนตำบลแม่ปะเกรงว่างบประมาณตรงนี้จะตกไป เพราะคำตอบยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการอนุญาตเมื่อไร จนถึงวันนี้ประชาชนชาวตำบลแม่ปะ จึงได้รวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือที่ ที่ว่าการอำเภอเถิน

ขณะนี้ได้ประสานกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแล้ว ซึ่งท่านรับที่จะช่วยนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารอุทยานแห่งชาติ ไม่เกินวันที่ 10 มิถุนายน 2551 หลังจากนั้นในกระบวนการขั้นต่อไปจะมีการนำเรื่องเสนอกฤษฎีกา เพื่อให้พิจารณาในการนำเข้าสู่ ครม. เพิกถอนพื้นที่แห่งนี้จำนวน 146 ไร่ จากเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย นอกจากนั้นยังได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่เพื่อที่จะช่วยในการติดตามเรื่องดังกล่าว ให้เสร็จสิ้นได้ในเดือนกรกฎาคม และให้ทางบริษัทผู้รับเหมาเข้าไปดำเนินการก่อสร้างได้ในปีงบประมาณนี้

นายสมบูรณ์ ติ๊บปะละวงศ์ แกนนำชาวบ้าน ต.แม่ปะ อ.เถิน กล่าวว่า ชาวตำบลแม่ปะ มีพื้นที่อยู่อาศัยทำกินสองฝั่งลำห้วยแม่ปะ ซึ่งประสบปัญหาผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนน้ำในลำห้วยจะไหลเชี่ยว ทำให้ท่วมพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่ปลูกอยู่บริเวณสองฝั่งลำห้วย หากมีการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะแล้วในช่วงฤดูฝนจะสามารถเก็บกับน้ำที่ไหลลงมาในลำห้วยไม่ให้ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของราษฎรได้ อีกทั้งยังมีน้ำใช้ทำการเกษตรในฤดูแล้งด้วย และชาวบ้านเกรงว่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ดินถล่มที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่

การรวมตัวกันในครั้งนี้จึงอยากทราบว่า จากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณมาแล้ว 23 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ อยากทราบว่างบประมาณอยู่ที่ไหน หากวันที่ 30 กันยายน 2551 ต้องคืนเงินให้รัฐบาล ขอให้อธิบดีกรมอุทยานฯ ช่วยเซ็นอนุมัติผ่อนผันให้เข้าไปใช้พื้นที่ก่อนได้หรือไม่ และหากจะต้องคืนเงิน 23 ล้านบาทให้กับรัฐบาล อธิบดีฯจะรับผิดชอบกับชาวบ้านหรือไม่อย่างไร โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสานไปยังอธิบดีกรมอุทยานฯแล้ว ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานฯรับปากว่าจะดำเนินการประชุมคณะกรรมการฯภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ และจะส่งช่างมาสำรวจเร่งรัดพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้าง

หากว่าไม่มีความคืบหน้าในวันที่ 10 มิถุนายน คราวนี้ชาวบ้านจะไม่ยินยอมอีก และจะมาชุมนุมปิดถนนสายหลักจนกว่าจะได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ
...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51

พาณิชย์ลำปางและหัวหน้าเกษตร มั่นใจสับปะรดราคาจะดีขึ้น

พานิชย์จังหวัดลำปาง พร้อมหัวหน้าส่วนกระทรวงเกษตรฯ
27 พฤษภาคม 2551 / 16:58:26
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080527165826

พานิชย์จังหวัดลำปาง พร้อมหัวหน้าส่วนกระทรวงเกษตรฯ มั่นใจสถานการณ์สับปะรดราคาตกต่ำจะคลี่คลายเร็ว ๆ นี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายนาวิน เทพวงษ์ พาณิชย์จังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ในงานแถลงข่าวสื่อมวลชนว่า จากการที่ราคาสับปะรดตกต่ำ เนื่องมาจากผลผลิตล้นตลาดทำให้เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดได้รับความเดือดร้อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว สหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรดลำปาง จำกัด ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเสด็จ รับซื้อผลผลิตสับปะรดจากเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดเพื่อการแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด จังหวัดลำปาง

โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำปาง ได้แก้ไขปัญหาระยะสั้นคือ ได้จัดประชุมเครือข่ายสหกรณ์จังหวัดลำปาง ขอความร่วมมือให้เครือข่ายสหกรณ์จังหวัดและประชาชนทั่วไปบริโภค รวมถึงให้นำไปส่งเสริมการขายยังสถานีบริการน้ำมันของสหกรณ์ จำนวน 11 แห่ง จำนวน 23,065 กิโลกรัม และประสานไปยังสหกรณ์เครือข่าย จังหวัดกำแพงเพชร โดยขอความร่วมมือสหกรณ์เกษตรคลองขลุง จำกัด รับซื้อสับปะรดไปทดลองทำการตลาด จำนวน 6,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ สหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรดลำปาง ได้รวมรวบสับปะรดส่งโรงงานสับปะรดกระป๋องที่จังหวัดระยะและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันละ 3,000 กิโลกรัม และได้รับสรรโควตาส่งสับปะรดส่งโรงงานในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2551 อย่างไม่จำกัด

นอกจากนี้ยังได้แก้ไขปัญหา ระยะยาวยังส่งเสริมการปลูกสับปะรดผลสดเพื่อการบริโภค การปรับปรุงคุณภาพสับปะรดส่งโรงงาน อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าเร็ว ๆ นี้ ราคาสับปะรดจากกิโลกรัมละ 1.80 บาท น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 บาท อย่างแน่นอน

ข่าวโดย : นงค์เยาว์ ปัจจามิตร์
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51

อาทิตย์ 8 มิ.ย.นี้ เทศบาลเมืองเขลางค์เลือกตั้งสภาฯ

เทศบาลเมืองเขลางค์ คาดมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาฯร้อยละ 75 พร้อมเชิญชวนผู้มีสิทธิไปเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 8 มิย.ศกนี้
27 พฤษภาคม 2551 / 16:07:11
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่

http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080527160711

เทศบาลเมืองเขลางค์ คาดมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาฯร้อยละ 75 พร้อมเชิญชวนผู้มีสิทธิไปเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 8 มิย.ศกนี้

นายอมร ทองประดิษฐ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เปิดเผยว่า สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ครบวาระเมื่อ 1 พค. 51 กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2551 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 3 เขต 82 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ 47,868 คน

เขตเลือกตั้งที่ 1
ในเขตตำบลปงแสนทองมี 26 หน่วย
เขตที่ 2 ในพื้นที่ตำบลชมพู 29 หน่วย และ
เขตที่ 3 ต.พระบาทและตำบลกล้วยแพะ จำนวน 29 หน่วย

แต่ละเขตมีสมาชิกได้ 6 คน ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกในเขต 1 จำนวน 12 คน เขต 2 มีผู้สมัคร 12 คน และเขตที่ 3 มีผู้สมัคร 15 คน โดยแต่ละเขตผู้มีสิทธิเลือกได้ไม่เกิน 6 หมายเลข ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต

สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ที่หน่วยเลือกตั้ง ขอเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ ได้ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม นี้ หรือแจ้งเหตุไม่สามารถไปใช้สิทธิก่อนเลือกตั้งได้ 7 วัน คือตั้งแต่วันที่ 18-31 พค.51 หรือแจ้งหลังเลือกตั้งได้ถึง 15 มิย.51 ที่เทศบาลเมืองเขลางค์นคร สำหรับการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาฯครั้งนี้ ได้จัดเตรียมความพร้อมต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ในหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย ซึ่งจะมีการจัดอบรมคณะกรรมการฯ เจ้าหน้าที่นับคะแนนและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมการทำงาน โดยกำหนดจัดอบรม ในวันที่ 5 มิถุนายน 2551 และ กกต.ประจำเทศบาลเมืองเขลางค์นครได้ตั้งเป้าหมายผู้มาใช้สิทธิครั้งนี่ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 75

ข่าวโดย : สวท.ลำปาง
หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51

พิธีบวงสรวง สร้างอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวีที่เกาะคา

พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระนางจามเทวีและอัญเชิญญาณบารมีของเทพพรหมทั่วพิภพจักรวาล
23 พฤษภาคม 2551 / 11:40:53
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่

http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080523114053

พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระนางจามเทวีและอัญเชิญญาณบารมีของเทพพรหมทั่วพิภพจักรวาล ณ สถานอันเป็นมงคลที่จะจัดสร้างอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี
นายกฤษณะเทพ ไกรณรงค์
ผู้อำนวยการโรงเรียนอ้อมอารีพิทยา เปิดเผยว่า

เนื่องด้วยมูลนิธีเอื้ออารี โดยมีคุณสวัสดิ์ โสภะ เป็นประธาน ร่วมกับโรงเรียนอ้อมอารีพิทยา ต.ลำปางหลวง จะดำเนินการก่อสร้างอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ซึ่งได้รับความกรุณาจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายดิเรก ก้อนกลีบ ได้ทำหนังสือขอประทานกราบทูลเชิญ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นประธานวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์และเททองหล่อองค์พระนางจามเทวี และทางกองราชพิธีสำนักพระราชวัง โดย พระครูญาณสยามภูร์ พรามณ์หลวงกองราชพิธีสำนักพระราชวัง ดำเนินการทำการบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระนางจามเทวี ตลอดจนอัญเชิญญาณบารมีของเทพพรหมทั่วพิภพจักรวาลมาสถิต ณ ยังสถานอันเป็นมงคลที่จะจัดสร้างอนุสาวรีย์ ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2551 เวลา 08.45

ซี่งในวันดังกล่าวเป็นเวลาเทวีฤกษ์ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อสถานที่ในการก่อสร้างอนุสาวรีย์ พระนางจามเทวีและเป็นอุดมมงคกับผู้เข้าร่วมพิธี จึงขอเชิญชวนประชาชน พร้อมกับสื่อมวลชนทุกแขนงมาร่วมพิธีในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว.
ข่าวโดย : นงค์เยาว์ ปัจจามิตร์
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51

ผู้ว่าฯ ปาขี่รถถีบตวยฮอยอลัมภางค์เขลางค์นคร 25 พฤษภา


ภาพบริเวณจุดเริ่มต้น สะพานรัษฎาภิเศก ต.หัวเวียง อ.เมือง ลำปาง
ที่มาภาพ :
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080525161445


ผู้ว่าฯ ลำปาง เปิดโครงการ " ผู้ว่าฯ ปาขี่รถถีบตวยฮอยอลัมภางค์เขลางค์นคร "
25 พฤษภาคม 2551 / 16:14:45
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=080525161445

วันนี้ ( 07.00 น.) ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดโครงการ " ผู้ว่าฯ ปาขี่รถถีบตวยฮอย อลัมภางค์เขลางค์นคร " โดยนำนักเรียน นักศึกษาและประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน ปั่นจักรยานจากบริเวณสะพานรัษฎาไปถึงสวนสาธารณะสะพานดำ ต.นาก่วมเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง

นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า จังหวัดลำปางเป็นจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบนที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เป็นนครแห่งความผาสุกทั้งคนอยู่และคนเยือน ประกอบกับปัจจุบันโลกเราประสบปัญหาสภาวะโลกร้อน เนื่องจากการใช้ยานพาหนะที่สิ้นเปลืองพลังงาน จึงได้จัดโครงการ “ผู้ว่าฯ ปาขี่รถถีบตวยฮอย อลัมภางค์เขลางค์นคร ” เพื่อร่วมกันสร้างลำปางให้เป็นนครแห่งวัฒนธรรมล้านนาและสืบทอดประเพณี ที่ดีงาม รวมทั้งเป็นการรณรงค์การใช้จักรยานเพื่อประหยัดพลังงานและช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายแก่ประชาชนให้มีสุขภาพแข็งแรงและได้ศึกษาประวัติศาสตร์สถานที่สำคัญของจังหวัดลำปางด้วย

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ปั่นจักรยานร่วมกับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจากสะพานรัษฎาผ่านกาดกองต้า วัดเกาะ ไปตามถนนทิพย์ช้างเข้าสู่ ห้าแยกหอนาฬิกาตรงไปยัง แยกดอนปาน เลี้ยวขวาไปตาม ถนนประสานไมตรีและผ่านบริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง และทักทายประชาชน พ่อค้า แม่ค้าที่ตลาดเก๊าจาว โดยไปสิ้นสุดที่สวนสาธารณะสะพานดำพร้อมกับรับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป.
ข่าวโดย : อิสระ อินทร์พรม
หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

...........

นักปั่น บริเวณแยกเพ็ญทรัพย์
ที่มาภาพ :
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000060450

ผู้ว่าฯลำปางนำทีมขี่“รถถีบ”เที่ยวเขลางค์นคร
25 พฤษภาคม 2551 / 12:15 น.
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000060450

ลำปาง - พ่อเมืองลำปางนำประชาชนขี่รถถีบโตยฮอยอลัมภางค์ ลดโลกร้อนและส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในวันหยุดวันนี้ (25 พ.ค.51) ขบวนรถจักรยาน หรือประชาชนทางภาคเหนือเรียกว่า “รถถีบ” จำนวนเกือบห้าร้อยคัน นำโดย นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ,นายนิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง พร้อมด้วยบรรดาผู้ที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน ทั้งนักเรียน ชมรมรถจักรยาน ชมรมรถถีบเฒ่าของผู้สูงอายุ และบรรดาข้าราชการและประชาชนทั่วไป ต่างนำรถจักรยานมาร่วมในกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า “ผู้ว่าปาขี่รถถีบโดยฮอยอลัมภางค์เขลางค์นคร”

ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ต้องการเชิญชวนประชาชนในลำปาง ได้ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนและปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้เครื่องยนต์และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ พร้อมกับรณรงค์ให้ประชาชนได้ใช้วันหยุดคือวันอาทิตย์ ได้มาร่วมออกกำลังกายโดยการขี่รถจักรยานไปท่องเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในตัวเมืองลำปาง เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว และช่วยให้เด็ก และเยาวชน ได้เรียนรู้และศึกษาความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่างๆด้วย

โดยสัปดาห์แรกในวันนี้ (25 พ.ค.)ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางพร้อมคณะได้พาบรรดาผู้ร่วมโครงการ เริ่มต้นขี่จักรยาน ณ สะพานรัษฎาและขี่ไปตามถนนทิพย์ช้าง ถนนประสานไมตรี แวะชมและซื้อสินค้าในตลาดเก๊าจาวและพาไปชมความสวยงามของสะพานรถไฟ หรือที่ชาวลำปางเรียก “สะพานดำ” ซึ่งเป็นสะพานประวัติศาสตร์สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่2 และปัจจุบันก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51

ดีเดย์ 31 พ.ค. ปิดพุทธสถานห้ามเข้า-ออก เลิกแผงพระ


พุทธสถาน ถนนบ้านเชียงราย ใกล้ห้าแยกหอนาฬิกา ถ่ายเมื่อ 22 พฤษภาคม 2551

ดีเดย์ 31 พ.ค. ปิดพุทธสถานห้ามเข้า-ออก เลิกแผงพระ
ที่มา : ลานนาโพสต์
http://www.lampangpost.com/news/678-5.htm

จังหวัดเอาจริง 31 พ.ค.นี้ปิดประตูพุทธสถานห้ามคนเข้า หากแผงพระไม่ย้ายออกทรัพย์ทั้งหมดจะตกเป็นของวัดเชียงราย

เมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่าน พระครูวรกิจจารักษ์ เจ้าอาวาสวัดเชียงราย นายมงคล ขัดผาบ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง นายทัศพล อ๊อดปัญญา นายสมภพ สุวรรณปัญญา พร้อมด้วยประชาชนกว่า 100 คน ร่วมกันประชุมเพื่อหาข้อยุติเรื่องพื้นที่พุทธสถานของวัดเชียงรายที่จะไม่ให้พุทธสมาคมใช้ทำประโยชน์ในพื้นที่ โดยมี พระราชธรรมลังกา เจ้าคณะจังหวัดลำปาง ร่วมเป็นสักขีพยานในการประชุมครั้งนี้ด้วย

โดยที่ผ่านมาพระครูวรกิจจารักษ์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กรณีที่นายสิงห์คำ นราพันธ์ นายกพุทธสมาคมจังหวัดลำปาง ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าบริเวณพุทธสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ธรณีสงฆ์ของวัดเชียงรายให้กับนางสิริกร แจ่มสุวรรณ ที่ผ่านมาทางวัดได้พยายามร้องขอรวมทั้งทำหนังสือแจ้งให้บุคคลทั้ง 2 ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นแต่ก็ไม่เห็นผลแต่อย่างใด เรื่องนี้ นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มอบหมายให้นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางให้ดำเนินการ ซึ่งทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดจัดระเบียบสังคมเข้ามาร่วมกับประชุมคณะกรรมการวัด รวมทั้งประชาชนในพื้นที่เพื่อหาเท็จจริงในเรื่องนี้ จึงได้มีการประชุมกันหลายครั้ง และมีมติที่ประชุมให้วัดออกประกาศถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ออกจากบริเวณพุทธสถานภายในวันที่ 31 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา เพื่อจะใช้เป็นสถานที่ก่อเจดีย์ทรายในวันสงกรานต์

แต่ผู้ประกอบการทั้งหมดไม่ยอมออกไป และทางวัดกลับได้รับหนังสือจากสำนักงานทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ โดยมีเนื้อหาขอโต้แย้งการประชุม บันทึกการประชุมให้ยุติการรบกวน การครอบครอง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำละเมิด และได้มีการทำสัญญาตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา โดยสัญญาฉบับล่าสุดทำขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2548 ระหว่างนายสิงห์คำ นายกพุทธสมาคม และนางสิริกร แจ่มสุวรรณ มีสัญญา 3 ปีจะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2551 นี้

จากการที่วัดได้ออกประกาศให้ผู้เช่าแผงพระย้ายออก ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จังหวัดจึงได้มีการออกหนังสือเชิญเจ้าคณะจังหวัดลำปาง พุทธสมาคม นางสิริกร แจ่มสุวรรณ ผู้ประกอบการแผงพระ และชาวบ้าน เข้าร่วมประชุมที่วัดเชียงรายเพื่อหาข้อยุติให้ได้ ในวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

สำหรับบรรยากาศในการประชุมที่บริเวณลานวัดเชียงรายได้มีตัวแทนจากคณะกรรมการวัด ตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ชุดจัดระเบียบสังคมของจังหวัด และชาวบ้านเข้ามาร่วมประชุมกว่า 100 คน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นายสิงห์คำ นราพันธุ์ นายกพุทธสมาคม นางสิริกร แจ่มสุวรรณ รวมทั้งผู้ประกอบการแผงพระไม่มีใครมาเข้ามาร่วมประชุมแม้แต่คนเดียว ทางตัวแทนชาวบ้านได้แจกเอกสารข้อมูลของพุทธสถานให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมประชุม โดยมีเนื้อหาว่า

การเลือกตั้งพุทธสถานไม่เป็นประชาธิปไตย คุณสิงห์คำเป็นทุกยุคทุกสมัย การเลือกตั้งได้มีการเกณฑ์ชาวบ้านเสด็จ บ้านทราย มาเป็นสมาชิก โดยออกค่าใช้จ่ายให้เพื่อแลกกับผลประโยชน์ เรื่องทุนการศึกษาบุตรหลาน ตลอดจนถึงคนจากต่างจังหวัดที่เป็นญาติเข้ามาเป็นกรรมการ เป็นการดำเนินการที่ต่างจากสมัยก่อนที่คณะกรรมการมาด้วยความสมัครใจและศรัทธา คณะผู้บริหารพุทธสมาคมในปัจจุบันเป็นระบบเครือญาติทั้งหมด ตลอดจนจัดทำธุรกิจในที่ธรณีสงฆ์ด้วย การปลูกสิ่งก่อสร้างตัดถอนต้นไม้ในพื้นที่ของธรณีสงฆ์เจ้าอาวาสไม่ทราบทำโดยพละการเพื่อหวังทำประโยชน์ อีกทั้งผู้เช่าแผงพระที่มาจากที่อื่น จากต่างจังหวัดเข้าใจผิดมาตลอดคิดว่ารายได้จากการเก็บค่าเช่าโต๊ะขนาดใหญ่ 200 บาท โต๊ะขนาดกลาง 150 บาท โต๊ะเล็ก 100 เป็นรายได้ของวัดเชียงรายทั้งหมดตามที่ผู้จัดผลประโยชน์แอบอ้างและไม่มีใบเสร็จรับเงิน และการบริหารงานต่างๆส่วนใหญ่คณะกรรมการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร งานทั้งหมดขึ้นอยู่กับบุคคลคนเดียว ไม่มีการประชุม

ข้อสรุปของการประชุมของตัวแทนชาวบ้านที่มาร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติต้องการให้พุทธสมาคมควรออกจากพุทธสถานกลับมาอยู่ศาลาธรรมวัดเชียงรายเหมือนเดิม ผู้ประกอบการทั้งหมดต้องออกไป เพราะวัดมีแผนโครงการที่จะทำเร่งด่วนในพุทธสถาน และสัญญาเช่าไม่ได้ทำกับวัดใครมีสิทธิ์เอาที่ธรณีสงฆ์ของวัดไปให้เช่าก็ให้รับผิดชอบกันเอาเอง คณะกรรมการและชาวบ้านต้องการที่จะปรับปรุงพุทธสถานโดยเร็วที่สุด ที่ของธรณีสงฆ์(พุทธสถาน)โฉนดเป็นของวัดเชียงราย ทางวัดไม่เคยยกให้พุทธสมาคม

ในด้านของนายสมภพ สุวรรณปัญญา คณะกรรมการวัด ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้เช่าที่ธรณีสงฆ์จากพุทธสมาคม มีนายสิงห์คำ เป็นนายกฯ ผู้เช่ามีรายได้อาทิตย์ละ 10,000 บาท คิดเป็น 1 เดือนเท่ากับ 40,000 บาท ปีละ 480,000 บาท พุทธสมาคมทำสัญญาเช่ามาแล้ว 6 ปี คิดเป็นเงินย้อนหลังประมาณ 2,800,000 บาท ทางวัดได้รับเงินจากผู้เช่าบ้างไม่ได้บ้างเดือนละ 500 บาท คิดเป็นปีละ 6,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี 36,000 บาท ส่วนต่างจากผู้ประกอบการกับวัดอยากให้ชาวบ้านดูว่ามีความแตกต่างกันมากแค่ไหน ผลประโยชน์ตกอยู่กับใคร วันนี้อยากให้กลุ่มของพุทธสมาคม คุณสิริกร และผู้ประกอบการแผงพระเข้ามาร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติแต่กลับไม่มา ซึ่งตนได้เตรียมข้อมูลที่มีความชัดเจนในแต่ละเรื่องมาชี้แจงให้ฟังน่าเสียดายที่ไม่ได้มาร่วมประชุมในครั้งนี้

นายทัศพล อ๊อดปัญญา หัวหน้าชุดจัดระเบียบสังคมของจังหวัดลำปางได้กล่าวหลังจากที่ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการดำเนินการขั้นตอนต่อไปของจังหวัดว่า
“ทางจังหวัดจะทำประกาศให้ ผู้ที่อยู่ในพุทธสถานทั้งหมดออกจากบริเวณพุทธสถานภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2551 หากไม่ย้ายสิ่งของออกในวันที่กำหนด ทางจังหวัดจะถือว่าสิ่งของเหล่านั้นตกเป็นสมบัติของวัดเชียงราย และในวันที่ 1 มิถุนายน จะนำเจ้าหน้าที่ อส.นำกุญแจมาล๊อกประตูทั้ง 2 ด้าน พุทธสมาคมให้กลับมาอยู่ที่ตั้งเดิมคือศาลาธรรมวัดเชียงราย หากผู้ใดไม่ปฎิบัติตามจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดและดำเนินการในชั้นศาลต่อไป"
...........
ผู้สื่อข่าว
on Lampang POST

พุธ 28
พฤษภา 51